AOT คาดเทศกาลปีใหม่2568 มีผู้โดยสารเดินทางเพิ่มขึ้น11.0% 27ธ.ค.67พีคสุด

26 ธันวาคม 2567, 16:07น.


           นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ AOT กล่าวว่า AOT คาดว่าระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2567 - 2 มกราคม 2568 จะมีผู้โดยสารใช้บริการท่าอากาศยาน 6 แห่ง ประมาณ 2,756,742 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็น ผู้โดยสารระหว่างประเทศ 1,780,764 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.6 และผู้โดยสารภายในประเทศ 975,978 คน ลดลงร้อยละ 1.9 และคาดว่าจะมีเที่ยวบินประมาณ 16,768 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็น เที่ยวบินระหว่างประเทศ 9,892 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นร้อยละ 22.9 และเที่ยวบินภายในประเทศ 6,876 เที่ยวบิน ลดลงร้อยละ 0.2





          ทั้งนี้ AOT คาดว่าวันที่ 27 ธันวาคม 2567 จะมีผู้เดินทางผ่านท่าอากาศยานของ AOT มากที่สุดประมาณ 395,322 คน โดย ทสภ.มีผู้โดยสารประมาณ 186,826 คน ฟื้นตัวร้อยละ 89.9 เมื่อเทียบกับช่วงสถานการณ์โควิด-19 แบ่งเป็น ผู้โดยสารระหว่างประเทศ 156,214 คน และผู้โดยสารภายในประเทศ 30,162 คน และมีเที่ยวบินประมาณ 1,061 เที่ยวบิน แบ่งเป็น เที่ยวบินระหว่างประเทศ 816 เที่ยวบิน และเที่ยวบินภายในประเทศ 245 เที่ยวบิน สำหรับ ทดม.มีผู้โดยสารประมาณ 100,885 คน ฟื้นตัวร้อยละ 85.5 แบ่งเป็น ผู้โดยสารระหว่างประเทศ 45,287 คน และผู้โดยสารภายในประเทศ 55,598 คน และมีเที่ยวบินประมาณ 677 เที่ยวบิน แบ่งเป็น เที่ยวบินระหว่างประเทศ 295 เที่ยวบิน และเที่ยวบินภายในประเทศ 382 เที่ยวบิน 





          การนำเทคโนโลยีเข้ามาอำนวยความสะดวกผู้โดยสาร AOT ได้นำระบบพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล หรือ Biometric (Automated Biometric Identification System) ด้วยเทคโนโลยี Facial recognition มาใช้ในการระบุตัวตนสำหรับผู้โดยสารภายในประเทศและระหว่างประเทศตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา ช่วยลดระยะเวลาการใช้บริการของแต่ละจุดบริการภายในท่าอากาศยานของ AOT เหลือประมาณ 1 นาที จากเดิมประมาณ 3 นาที โดยผู้โดยสารที่ต้องการใช้งานระบบ Biometric สามารถลงทะเบียนใช้งานเมื่อมาเช็กอินที่สนามบิน ได้ 2 วิธี คือ (1) เช็กอินที่เคาน์เตอร์เช็กอินของสายการบิน ผู้โดยสารแจ้งเจ้าหน้าที่สายการบิน ให้ลงทะเบียนใบหน้าในระบบ Biometric ผ่านเครื่องตรวจบัตรโดยสาร โดยระบบฯ จะดำเนินการบันทึกข้อมูลใบหน้าและข้อมูลเอกสารการเดินทางของผู้โดยสาร (2) เช็กอินที่เครื่องเช็กอินด้วยตนเองอัตโนมัติ (เครื่อง CUSS: Common Use Self Service) ผู้โดยสารสามารถทำการกดปุ่มเลือกสายการบินที่เดินทาง ตามด้วยการกดเลือกให้ความยินยอมลงทะเบียนใบหน้าในระบบ Biometric (Consent Notice) และดำเนินการเช็กอินผ่านระบบจนได้รับบัตรโดยสารขึ้นเครื่อง (Boarding Pass) จากนั้นทำการสแกน barcode ใน Boarding Pass แล้วเสียบหนังสือเดินทาง (Passport) หรือบัตรประชาชน และสแกนใบหน้าเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการลงทะเบียน





           AOT ได้นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเกี่ยวกับระบบบริการผู้โดยสารขึ้นเครื่อง (Common Use Passenger Processing System: CUPPS) มาใช้เพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการผู้โดยสารเพื่อให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกรวดเร็ว ลดระยะเวลาการรอคอยเพื่อบรรเทาความหนาแน่นของผู้โดยสารในช่วงวันหยุดยาว ได้แก่



          (1) ระบบตรวจบัตรโดยสารขึ้นเครื่อง (Common Use Terminal Equipment: CUTE)



          (2) ระบบเช็กอินด้วยตนเองอัตโนมัติ CUSS เป็นระบบอำนวยความสะดวก และจัดการด้านการเข้าถึงระบบเช็กอินผู้โดยสาร โดยเน้นการบริการแบบ Self-Service ซึ่งผู้โดยสารไม่ต้องรอแถวเช็กอิน



          (3) ระบบรับกระเป๋าสัมภาระอัตโนมัติ (Common Use Bag Drop: CUBD) เป็นระบบที่ผู้โดยสารสามารถโหลดกระเป๋าสัมภาระสู่สายพานลำเลียงได้ด้วยตนเองอัตโนมัติ



          (4) ระบบตรวจสอบยืนยันตัวตนผู้โดยสาร (Passenger Validation System: PVS)



          (5) ระบบประตูทางออกขึ้นเครื่องอัตโนมัติ (Self-Boarding Gate: SBG) 



          นอกจากนี้ AOT ได้มีการติดตั้งเครื่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ (Automated Border Control: ABC) หรือเครื่อง Auto Channel ให้บริการใน ทสภ. เพิ่มเติม ส่งผลให้ ทสภ. สามารถรองรับการให้บริการผู้โดยสารได้มากขึ้นถึง 7,000 คนต่อชั่วโมง จากเดิม 5,500 คนต่อชั่วโมง





          ช่วงเทศกาลอาจมีผู้โดยสารเดินทางมาใช้บริการจำนวนมาก ขอให้ผู้โดยสารเผื่อเวลาเดินทางล่วงหน้า 2 – 3 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการพลาดเที่ยวบิน ทั้งนี้ ผู้โดยสารสามารถสอบถามการให้บริการได้ที่ AOT Contact Center โทร. 1722 ตลอด 24 ชั่วโมง



 



#เดินทางผ่านท่าอากาศยาน



Cr:ประชาสัมพันธ์กระทรวงคมนาคม

ข่าวทั้งหมด

X