โลก เสี่ยงเผชิญโรคระบาดรุนแรง หากสหรัฐฯ ถอนตัวจาก WHO

          Center for Medical Genomics หรือ ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี รายงานว่า รัฐบาลใหม่ของสหรัฐฯที่เข้ารับตำแหน่งในปี 2025 ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีแนวโน้มที่จะดำเนินนโยบายที่ส่งผลกระทบต่อการควบคุมโรคระบาดทั่วโลกอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในเรื่องการถอนตัวจากองค์การอนามัยโลก(WHO) ซึ่งอาจทำให้สหรัฐฯ สูญเสียอิทธิพลในวงการสาธารณสุขระดับโลก และส่งผลให้WHO อ่อนแอลง

        จากรายงานล่าสุด สมาชิกคณะทำงานของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังวางแนวทางถอนสหรัฐฯ ออกจากการเป็นสมาชิกWHO ทันที หลังจากเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม 2025 ซึ่งการตัดสินใจนี้อาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อระบบสาธารณสุขโลก เนื่องจากสหรัฐฯ เป็นผู้ให้เงินสนับสนุน WHO รายใหญ่ที่สุด โดยในช่วงปี 2018-2019 สหรัฐฯ ให้เงินสนับสนุนมากกว่า 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นร้อยละ 15 ของงบประมาณทั้งหมดของWHO

         นอกจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลใหม่จะไม่สนับสนุนการฉีดวัคซีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากมีการเสนอชื่อผู้ที่มีแนวคิดต่อต้านวัคซีนให้ดำรงตำแหน่งสำคัญด้านสาธารณสุข นายทรัมป์ ได้เสนอชื่อ นายโรเบิร์ต เอฟ เคนเนดี ผู้ที่มีแนวคิดต่อต้านวัคซีน ให้นั่งในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและบริการประชาชน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการสนับสนุนวัคซีนทั้งในประเทศและในระดับโลก

         การถอนตัวจากWHO และนโยบายที่ไม่สนับสนุนวัคซีนอาจทำให้สหรัฐฯ โดดเดี่ยวจากความร่วมมือระหว่างประเทศในการรับมือกับการระบาดของโรคร้ายต่างๆ นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงที่การเตรียมพร้อมและการตอบสนองต่อการระบาดของโรคอุบัติใหม่ เช่น ไข้หวัดนก H5N1 จะมีประสิทธิภาพลดลง เนื่องจาก ขาดความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนข้อมูลในระดับโลก

         ผลกระทบของนโยบายนายทรัมป์ 2.0 ไม่เพียงแต่จะส่งผลต่อด้านสาธารณสุขเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกด้วย โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ คาดการณ์ว่า ชุดนโยบายของนายทรัมป์ จะกดดันให้อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ลดลงรวม 0.4 pp. ในช่วงปี 2025-2030 ซึ่งเป็นผลมาจากนโยบายการค้า การขึ้นภาษีนำเข้า และการกีดกันผู้อพยพ