การประชุมวุฒิสภาเพื่อพิจารณาเลือกบุคคลดำรงตำแหน่งประธานวุฒิสภาและรองประธานวุฒิสภา ก่อนหน้านี้นายคำนูณ สิทธิสมาน'ส.ว.สรรหาระบุว่าไม่มีบทบัญญัติใดใน รธน.ที่ห้ามเลือก ปธ.วุฒิสภาในสมัยประชุมนี้ ซึ่งเมื่อมีเหตุให้ต้องเลือกคือตำแหน่งดังกล่าวว่างลงก็สามารถดำเนินการได้ ส่วนข้อกังวลว่าการเลือกประธานวุฒิสภาจะขัด พ.ร.ฎ.ประชุมวุฒิสภาสมัยวิสามัญและขัด รธน ม.132 ที่เกี่ยวข้องกับข้องดเว้นการเปิดประชุมวุฒิสภาในช่วงที่สภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลงนั้น เห็นว่าเรื่องดังกล่าวเกี่ยวข้องกับอำนาจ หน้าที่ของวุฒิสภา แต่การเลือกประธานสภาครั้งนี้ถือเป็นกิจกรรมจำเป็นของวุฒิสภาเมื่อตำแหน่งว่างลงอยู่แล้ว ขณะเดียวกันนายคำนูณกล่าวว่าครั้งนี้อาจเป็นความพยายามสุดท้ายขององค์กรตาม รธน.ที่ยังเหลืออยู่ในการหาทางออกประเทศ
จากนั้น ที่ประชุมวุฒิสภาได้มีมติ 95 ต่อ 30 เสียงให้แยกการพิจารณาญัตติการเลือกประธานและรองประธานวุฒิสภา จากการตั้งคณะกรรมาธิการสามัญเพื่อสรรหา ส.ว.ดำรงตำแหน่งกรรมาธิการสามัญประจำวุฒิสภา โดยสมาชิกบางคน เสนอญัตติให้การเลือกประธานวุฒิสภาและรองประธานวุฒิสภาในทางลับ ด้วยการกากบาท
นายสมชาย แสวงการ สว.สรรหาอภิปรายว่า หากมีการลงคะแนนทางลับด้วยวิธีกากบาทเป็นการถ่วงเวลา เนื่องจากมี พ.ร.ฎ.ปิดสมัยประชุมวุฒิสภาสมัยวิสามัญวันที่10พ.ค.ออกมาแล้ว ซึ่งจะต้องปิดการประชุมวันนี้ไม่เกินเวลา00.00น. ซึ่งที่ประชุมมีมติ 96 ต่อ 17 เสียงให้เดินหน้าเลือกตั้งประธานและรองประธานวุฒิสภาในทางลับแบบใช้เครื่องลงคะแนน
ล่าสุด มีการเสนอชื่อคู่ชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภา 2 คน ได้แก่ นายสุรชัย กับ พลตำรวจเอกจงรัก จุฑานนท์ โดยจะเปิดให้แสดงวิสัยทัศน์ คนละ 5 นาที ก่อนการลงมติ ซึ่ง นายสุรชัยได้ของดทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยจะผู้อาวุโสถัดไปเป็นประธานการประชุม ได้แก่ ม.ร.ว. วุฒิเลิศ เทวกุล