สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานว่า นายกรัฐมนตรีชิเงรุ อิชิบะของญี่ปุ่นต่อสายคุยโทรศัพท์กับประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯในวันนี้(13 ม.ค.68)แสดงความกังวล กรณีรัฐบาลประธานาธิบดีไบเดน ขัดขวางการที่บริษัทนิปปอน สตีล ผู้ประกอบธุรกิจเหล็กรายใหญ่ของญี่ปุ่นซื้อกิจการเหล็กจากบริษัทยูเอส สตีล (US Steel)ด้วยมูลค่า 149,000 ล้านดอลลาร์ของสหรัฐฯ แต่ถูกคัดค้านจากนายไบเดน โดยอ้างข้อวิตกกังวลด้านความมั่นคงแห่งชาติ พร้อมขีดเส้นตายให้บริษัททั้ง 2 มีเวลาจนถึงวันที่ 18 มิ.ย.68 ในการยกเลิกการทำข้อตกลง สร้างความไม่สบายใจให้กับภาคธุรกิจของญี่ปุ่น ในฐานะหนึ่งในพันธมิตรที่ใกล้ชิดกับสหรัฐฯมากที่สุด
นายอิชิบะ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่เพียงแต่สร้างความกังวลให้กับภาคธุรกิจในญี่ปุ่นเท่านั้น แต่เขาเชื่อว่าบริษัทในสหรัฐฯ ก็ไม่สบายใจเช่นกัน พร้อมทั้งขอให้นายไบเดน ช่วยลดข้อกังวลต่างๆเหล่านี้ด้วย นายอิชิบะ พูดเรื่องนี้ หลังจากพูดคุยกับนายไบเดน และประชุม 3 ฝ่ายร่วมกับประธานาธิบดีเฟอร์ดินัน มาร์กอส จูเนียร์ของฟิลิปปินส์
ด้านทั้งสองบริษัท กล่าวหา นายไบเดน ซึ่งใกล้จะพ้นจากตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค.68 ว่าแทรกแซงโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายในเรื่องการทำข้อตกลงซื้อขายกิจการระหว่างเอกชนของทั้งสองประเทศ โดยบริษัทนิปปอน สตีล ชื่นชมการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้จะช่วยต่อสายป่านด้านเงินทุนให้กับบริษัทเหล็กของสหรัฐฯด้วย แต่ฝ่ายที่คัดค้านเตือนว่า บริษัทเหล็กญี่ปุ่นแห่งนี้จะปรับตำแหน่งงานจำนวนมาก แม้ว่าให้คำยืนยันกับสหรัฐฯในทางตรงกันข้ามเช่น เพิ่มการจ้างงานในสหรัฐฯ
เมื่อปีที่แล้ว มีการประกาศเรื่องการเข้าซื้อกิจการบริษัทเหล็กสหรัฐฯ ซึ่งเป็นปีแห่งการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นหนึ่งในประเด็นทางการเมือง สำหรับบริษัท US Steel ตั้งอยู่ในรัฐเพนซิลเวเนีย และทั้งนายโดนัลด์ ทรัมป์และนางกมลา แฮร์ริส สองผู้สมัครจากพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครต ต่างคัดค้านดีลนี้เช่นกัน
ข้อมูลจากสหร้ฐฯ ระบุว่า เมื่อปีที่แล้ว บริษัทเอกชนญี่ปุ่นลงทุนในสหรัฐฯเกือบ 800,000 ล้านดอลลาร์ มากกว่าประเทศอื่นๆทุกประเทศ และคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 14.3 ของจำนวนเงินลงทุนต่างชาติทั้งหมดในสหรัฐฯ
#ญี่ปุ่น
#สหรัฐ
#ซื้อกิจการเหล็ก