อียูค้านไบเดนทิ้งทวน เสนอยึดทรัพย์สินรัสเซีย 3 แสนล้านดอลล์ หวังกดดันให้ยอมเจรจาสันติภาพยูเครน

14 มกราคม 2568, 16:05น.


          ซีเอ็นเอ็นรายงานอ้างแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่ระดับสูง 2 คนของสหรัฐฯว่า เหลืออีกไม่กี่วัน ก่อนส่งมอบอำนาจให้นายโดนัลด์ ทรัมป์ เข้าบริหารประเทศสมัยที่ 2 ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำคนปัจจุบันของสหรัฐฯได้ติดต่อพูดคุยกับพันธมิตรยุโรป โดยเฉพาะกลุ่มสหภาพยุโรป(อียู)ทิ้งทวนเป็นครั้งสุดท้าย ขอให้กลุ่มอียู ยึดทรัพย์สินจากธนาคารกลางของรัสเซียราว 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯที่ถูกอายัดไว้ในธนาคารต่างๆของกลุ่มอียูนับตั้งแต่รัสเซียบุกยูเครนเมื่อ 3 ปีก่อน หวังกดดันรัสเซียให้ยอมเจรจากับยูเครน เพื่อยุติสงคราม


          ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลไบเดน พยายามโน้มน้าวให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงจากกลุ่มอียูให้ดำเนินการเคลื่นย้ายเงินทุนรัสเซียที่ถูกธนาคารต่างๆของกลุ่มอียูอายัดไว้มายังบัญชีธนาคารเปิดใหม่ โดยมีสหรัฐฯและกลุ่มอียูร่วมดูแลบัญชีธนาคาร พร้อมตั้งเงื่อนไขว่า สหรํฐฯและกลุ่มอียูจะยอมคืนให้กับรัสเซีย ก็ต่อเมื่อรัสเซียยอมเข้าร่วมการเจรจากับยูเครนเพื่อยุติสงครามในอนาคต 


ทั้งนี้ ทรัพย์สินรัสเซียส่วนใหญ่ ถูกในธนาคารต่างๆในกลุ่มอียู และมีทรัพย์สินเพียงส่วนน้อยที่ถูกอายัดไว้ในสหรัฐฯ


          ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาลไบเดนได้หารืออย่างใกล้ชิดกับรัฐบาลใหม่ของนายทรัมป์ เช่น นายมาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศคนใหม่และนายไมค์ วอลท์ซ ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติคนใหม่ในรัฐบาลทรัมป์ ซึ่งแหล่งข่าว เปิดเผยว่า คณะทำงานของนายทรัมป์เห็นด้วยกับเรื่องการยึดทรัพย์สินจากรัสเซีย เชื่อว่า มาตรการนี้จะสร้างแรงจูงใจให้รัสเซียเข้าสู่โต๊ะเจรจาสันติภาพกับยูเครนในอนาคต สอดคล้องกับความประสงค์ของนายทรัมป์ที่อยากให้สงครามยุติลงโดยเร็วหลังยืดเยื้อมากว่า 3 ปีแล้ว แต่พันธมิตรชาวยุโรป คัดค้าน หวั่นเกรงละเมิดกฏหมายระหว่างประเทศในกรณียึดทรัพย์สินรัสเซียและเชื่อว่า การทำข้อกลงเช่นนี้จะไม่ได้ข้อยุติ ก่อนนายทรัมป์เข้ามาบริหารประเทศสหรฐฯ 


          ก่อนหน้านี้ เคยมีการทำตกลงในลักษณะนี้ แต่ไม่ใชการยึดทรัพย์สินรัสเซียโดยตรงคือ กลุ่ม G7 ที่ประกอบด้วย แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี ญี่ปุ่น อังกฤษและสหรัฐฯเห็นพ้องกันเมื่อปีที่แล้วให้นำเอาเฉพาะดอกเบี้ยเงินฝากรายปี ราว 50,000 ล้านดอลลาร์ที่ธนาคารต่างๆในกลุ่มอียูและสหรัฐฯต้องจ่ายตอบแทนผู้ฝากคือ ธนาคารกลางรัสเซีย มาทำประโยชน์เช่น การปล่อยกู้ให้กับยูเครน พร้อมกำหนดระยะเวลากว่า 10 ปีในการให้ยูเครนคืนเงินต้นให้กับธนาคารต่างๆในยุโรป


          ขณะที่นายดมิตรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลินของรัสเซียวิจารณ์เรื่องนี้ว่า เป็นเสมือนการปล้นเงินฝากรัสเซียจากธนาคารต่างๆในยุโรป ทั้งคัดค้านเรื่องการยึดและอายัดทรัพย์สินรัสเซียมาตั้งแต่แรกว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งละเมิดธรรมเนียปฏิบัติและกฏกติการะหว่างประเทศทั้งหมด


#สหรัฐฯ


#หารือกลุ่มอียู


#ยึดทรัพย์รัสเซีย


#สันติภาพยูเครน
ข่าวทั้งหมด

X