เผยเหยื่ออาชญากรรมออนไลน์ 6 – 12 ม.ค.68 ถูกหลอกมากสุด 5 เคส มูลค่าความเสียหายรวม 20 ล้านบาท

วันนี้, 16:50น.


          รองโฆษกรัฐบาล เผยความเสียหายเหยื่ออาชญากรรมออนไลน์ ช่วงวันที่ 6 – 12 มกราคม 2568 พบเคสตัวอย่างประชาชนถูกหลอกมากสุด 5 เคส มูลค่าความเสียหายรวม 20 ล้านบาท แนะ ปชช.ยึดหลัก 4 ไม่ 'ไม่กดลิงก์ ไม่เชื่อ ไม่รีบ และไม่โอนเงิน'



          นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในช่วงวันที่ 6 – 12 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา ศูนย์ AOC 1441 (Anti Online Scam Operation Center) ได้รายงานเคสตัวอย่างอาชญากรรมออนไลน์ที่ประชาชนได้รับผลกระทบจากการถูกหลอกลวง จำนวน 5 เคส รวมมูลค่าความเสียหายทั้ง 5 คดี รวม 20,202,376 บาท ประกอบด้วย



          คดีที่ 1 คดีหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อทำงานหารายได้พิเศษ มูลค่าความเสียหาย 10,693,723 บาท โดยผู้เสียหายได้รับการติดต่อจากมิจฉาชีพผ่านช่องทาง Facebook ชักชวนทำงานหารายได้พิเศษ เป็นการกดถูกใจเพจเพื่อรับค่าตอบแทน จากนั้นจึงเพิ่มเพื่อนทาง Line และทำตามขั้นตอนที่มิจฉาชีพแนะนำ เมื่อต้องการถอนเงินได้รับเงินจริง ต่อมามิจฉาชีพได้มีการชักชวนให้ทำกิจกรรมโอนเงินเพื่อรับผลตอบแทนที่สูงขึ้น ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินไป แต่เมื่อต้องการจะถอนเงิน มิจฉาชีพแจ้งว่ายังโอนไม่ครบตามกติกา จึงโอนเงินไปจนครบแล้วก็ยังไม่สามารถถอนเงินได้ ผู้เสียหายเชื่อว่าตนถูกมิจฉาชีพหลอก



          คดีที่ 2 คดีหลอกลวงให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ มูลค่าความเสียหาย 3,247,521 บาท โดยผู้เสียหายพบโฆษณาเชิญชวนเทรดหุ้นผ่านช่องทาง Facebook ผู้เสียหายสนใจจึงเพิ่มเพื่อนทาง Line เพื่อสอบถามรายละเอียด ต่อมามีการดึงเข้า Group Line และให้ติดตั้งแอปพลิเคชันเพื่อเทรดหุ้น ในช่วงแรกสามารถถอนเงินจากระบบได้ ผู้เสียหายจึงโอนเงินเพิ่มและเทรดหุ้นได้จำนวนมากขึ้นแต่ไม่สามารถถอนเงินได้ มิจฉาชีพอ้างว่ายังเทรดหุ้นไม่ครบตามระยะเวลาที่กำหนด ผู้เสียหายเชื่อว่าตนถูกมิจฉาชีพหลอก



          คดีที่ 3 คดีหลอกลวงให้ลงทุนผ่านระบบคอมพิวเตอร์ มูลค่าความเสียหาย 3,161,275 บาท โดยผู้เสียหายพบโฆษณาเชิญชวนเทรดหุ้นผ่านช่องทาง Facebook ผู้เสียหายสนใจจึงเพิ่มเพื่อนทาง Line เพื่อสอบถามรายละเอียด มิจฉาชีพแนะนำและสอนขั้นตอนวิธีการเทรดหุ้นต่าง ๆ ให้แก่ผู้เสียหาย ผู้เสียหายจึงโอนเงินเพื่อเริ่มเทรดหุ้น แต่ไม่สามารถถอนเงินได้ มิจฉาชีพอ้างว่ายังเทรดไม่ถึงยอดที่สามารถถอนได้ ผู้เสียหายจึงโอนเงินเทรดหุ้นเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็ยังไม่สามารถถอนเงินได้ ผู้เสียหายเชื่อว่าตนถูกมิจฉาชีพหลอก



          คดีที่ 4 คดีข่มขู่ทางโทรศัพท์ให้เกิดความกลัวแล้วหลอกให้โอนเงิน (Call Center) มูลค่าความเสียหาย 1,700,000 บาท ทั้งนี้ ผู้เสียหายได้รับการติดต่อจากมิจฉาชีพผ่านทางโทรศัพท์ อ้างตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แจ้งว่าผู้เสียหายทำการขายบัญชีม้า โดยให้บุคคลอื่นทำการเปิดบัญชีเป็นความผิดกฎหมายอาญา แจ้งขอตรวจสอบเส้นทางการเงินในบัญชี หากไม่ให้ความร่วมมือจะมีความผิดตามกฎหมาย โดยให้โอนเงินทั้งหมดในบัญชีแล้วส่งหลักฐานการโอนให้ทาง Line หากตรวจสอบแล้วไม่พบการกระทำความผิดจะโอนเงินคืนให้พร้อมเงินชดเชยค่าเสียหายต่าง ๆ ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงให้ความร่วมมือและโอนเงินไป ภายหลังการโอนเงินเสร็จไม่สามารถติดต่อได้อีก ผู้เสียหายเชื่อว่าตนเองถูกมิจฉาชีพหลอก



          คดีที่ 5 คดีหลอกลวงให้โอนเงินเพื่อรับรางวัล หรือวัตถุประสงค์อื่น ๆ มูลค่าความเสียหาย 1,399,857 บาท โดยผู้เสียหายได้รับการติดต่อจากมิจฉาชีพผ่านทางโทรศัพท์ อ้างติดต่อจาก Flash Express แจ้งว่าพัสดุของตนเสียหาย จะทำการชดเชยค่าเสียหายให้ จากนั้นให้เพิ่มเพื่อนทาง Line และส่ง Link ให้สแกน QR Code ทำตามขั้นตอนจนถึงการสแกนใบหน้า พบว่าเงินถูกโอนออกจากบัญชีทั้งหมด ผู้เสียหายเชื่อว่าตนถูกมิจฉาชีพหลอก



          ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมารัฐบาลพยายามดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง แต่ยังมีประชาชนตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ ในรูปแบบต่าง ๆ ขอย้ำเตือนให้ประชาชนตั้งสติ อย่าหลงเชื่อกลลวงของมิจฉาชีพ แนะประชาชนยึดหลัก “4 ไม่” คือ ไม่กดลิงก์ ไม่เชื่อ ไม่รีบ และไม่โอนเงิน ขอให้ตรวจสอบให้ชัดเจน พร้อมทั้งเพิ่มความระมัดระวังในการทำธุรกรรมออนไลน์ 



#เหยื่อออนไลน์



Cr:เพจรัฐบาลไทย



 

ข่าวทั้งหมด

X