สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายพล คีธ เคลล็อกก์ ทูตพิเศษประจำยูเครนและรัสเซียในรัฐบาลชุดใหม่ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งจะกลับเข้ามาบริหารประเทศสหรัฐฯในวันที่ 20 ม.ค.นี้ ยอมรับว่า สงครามในยูเครนอาจจะต้องใช้เวลาเจรจาหลายเดือน หรืออาจยืดเยื้อหลายปีกว่าจะแก้ไขสำเร็จ สวนทางคำมั่นสัญญาด้านนโยบายต่างประเทศที่นายทรัมป์เคยประกาศในช่วงหาเสียงในปีที่แล้วว่ารัฐบาลสหรัฐฯภายใต้การนำของเขาสามารถจะประสานให้คู่ขัดแย้งทั้งสองยอมลงนามในข้อตกลงสันติภาพในวันแรกที่เข้ามาบริหารประเทศ
ทั้งนี้ นายเคลล็อกก์และนายจอห์น เฮิร์บสท์ อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำยูเครน ซึ่งปัจจุบันเป็นนักวิเคราะห์จากสถาบัน แอตแลนติก เคาน์ซิล ในกรุงวอชิงตันดี.ซี.และเป็นคนใกล้ชิดของนายทรัมป์ ยอมรับว่าพวกเขาได้พูดคุยเรื่องสถานการณ์ยูเครนกับนายทรัมป์แล้วเมื่อเร็วๆนี้ ระบุว่า พวกเขาอยู่ระหว่างพิจารณาเรื่องไทม์ไลน์ในการหาทางยุติสงครามในยูเครน ซึ่งต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะแก้ไขปัญหานี้สำเร็จ พร้อมกล่าวถึงคำมั่นของนายทรัมป์เรื่องการยุติสงครามยูเครนตั้งแต่วั้นแรกที่เข้ามาบริหารประเทศว่า เกิดจากปัจจัยร่วมหลายอย่างเช่น การชูวาทกรรมในประเด็นนี้ ขณะหาเสียง โดยไม่ได้เข้าใจอย่างถ่องแท้เรื่องความซับซ้อนของปัญหาสงครามรัสเซีย-ยูเครน อีกทั้งต้องใช้เวลาพอสมควร ในการระดมทีมผู้เชี่ยวชาญมาร่วมงานกับรัฐบาลใหม่ของนายทรัมป์
ก่อนหน้านี้ นายเคลล็อกก์ เคยให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์นิวส์เมื่อสัปดาห์ก่อน พูดในทำนองเดียวกัน เชื่อว่าคณะทำงานของนายทรัมป์จะสามารถหาทางแก้ปัญหาเรื่องนี้ 100 วัน หลังนายทรัมป์เข้ามาบริหารเทศสมัยที่ 2 นับว่านานเกินกว่าระยะเวลาตามที่นายทรัมป์ให้คำมั่นไว้ในตอนแรก แต่แม้ว่าจะใช้เวลาเจรจานานกว่าเดิม ทั้งนายเคลล็อกก์แลนายเฮิร์บสท์ เชื่อว่านายทรัมป์จะแก้ไขปัญหาสำเร็จในที่สุด โดยนายเฮิร์บสท์ระบุว่า การที่แก้ไขปัญหานี้สำเร็จ นายทรัมป์จะต้องโน้มน้าวประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ให้เห็นผลเสียจากสงครามว่ายิ่งดื้อดึงสู้รบกับยูเครนต่อไปก็ไม่มีทางชนะ มีแต่สูญเสียทั้งกำลังทหาร อาวุธและงบประมาณจากทั้งสองฝ่าย
นักวิเคราะห์ระบุว่า ตั้งแต่นายทรัมป์ชนะการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 5 พ.ย. 67 นายทรัมป์ เริ่มมีสุ่มเสียงในเรื่องนี้ อ่อนลงจากเดิมมาก พูดเพียงว่าเขาจะหาทางแก้ไขปัญหานี้ โดยไม่มีการกำหนดระยะเวลาที่ชัดเจนว่าสงครามในยูเครนจะสิ้นสุดเมื่อใด ทั้งยอมรับว่า การแก้ไขปัญหาสงครามในยูเครนจะแก้ไขยากกว่าการเจรจาให้อิสราเอลกับกลุ่มฮามาสทำข้อตกลงหยุดยิงในเขตฉนวนกาซา
ส่วนท่าทีจากรัสเซีย ที่ผ่านมา รัสเซียมีส่งทั้งสัญญาณเชิงบวกในเรื่องข้อตกลงสันติภาพ พร้อมทั้งตอบรับข้อเสนอของนายทรัมป์เรื่องจัดการพูดคุยโดยตรงกับยูเครน แต่อีกด้านหนึ่ง รัสเซียส่งสัญญาณเชิงลบเช่น ปฏิเสธข้อเสนอบางประเด็นจากคณะทำงานของนายทรัมป์เรื่องการถอนทหารรัสเซียจากยูเครนว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
#รัฐบาลทรัมป์
#การเจรจาสันติภาพยูเครน