สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานว่านายแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ปราศรัยนโยบายการต่างประเทศครั้งสุดท้ายที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ในกรุงวอชิงตันดี.ซี.เมื่อคืนนี้(16 ม.ค.68) ยอมรับว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งจะกลับมาบริหารประเทศสมัยที่ 2 ในวันที่ 20 ม.ค.68 มีส่วนสำคัญอย่างมากในการช่วยผลักดันให้การเจรจาหยุดยิงในเขตฉนวนกาซา ที่กรุงโดฮา กาตาร์ ประสบความสำเร็จ
นายบลิงเกน ชื่นชมนายสตีฟ วิตคอฟฟ์ ตัวแทนการเจรจาตะวันออกของรัฐบาลนายทรัมป์ ซึ่งทำงานอย่างใกล้ชิดกับคณะทำงานของรัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่จะพ้นวาระในสัปดาห์หน้า พร้อมย้ำว่า รัฐบาลนายไบเดน กับ รัฐบาลนายทรัมป์ ไม่จำเป็นต้องทำงานแบบชื่นชมตัวเอง หรือ ใครควรจะได้รับการชื่นชมมากกว่ากัน ในการผลักดันให้การเจรจาหยุดยิงครั้งนี้ประสบความสำเร็จ เพราะรัฐบาลนายทรัมป์จะสานต่อเงื่อนไขข้อตกลงทุกอย่างให้เป็นไปตามข้อตกลง พร้อมทั้งแสดงความมั่นใจว่าข้อตกลงจะเริ่มมีผลตามกำหนดในวันอาทิตย์นี้(19 ม.ค.68)แม้ว่าคณะรัฐมนตรีอิสราเอลเลื่อนประชุมลงมติจากเดิมวันพฤหัสบดีไปเป็นวันเสาร์นี้(18 ม.ค.69)
ช่วงท้ายของการแถลงข่าว นายบลิงเกน เปิดโอกาสให้ผู้สื่อข่าวถามคำถามต่างๆ มีเหตุวุ่นวายขึ้นมาในห้องประชุม นายแม็กซ์ บลูเมนทัล บก.ข่าวจากสำนักข่าวท้องถิ่นชื่อเดอะเกรย์สโตน และนายแซม ฮุสเซนี นักข่าวอิสระ ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยนำตัวออกจากห้องแถลงข่าว หลังตะโกนด่านายบลิงเกน เป็นอาชญากรที่สนับสนุนการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ในเขตฉนวนกาซา แต่นายบลิงเกนยังคงยืนอยู่ที่โพเดียม เพื่อตอบคำถามจากนักข่าว 2-3 คำถาม ก่อนปิดการปราศรัย
สำหรับสาระสำคัญๆของข้อตกลงหยุดยิง แบ่งเป็น 3 เฟส เฟสแรกซึ่งใช้เวลา 6 สัปดาห์ จะมีการปล่อยตัวประกันชุดแรก 33 คนเช่น ผู้หญิงเด็กและผู้สูงอายุ แลกกับการที่อิสราเอล ทยอยถอนกำลังทหารออกจากย่านชุมชน เฟสที่ 2 จะมีการปล่อยตัวประกันที่เหลือ และเฟสที่ 3 จะมีการส่งมอบร่างตัวประกันที่เสียชีวิตและหารือแผนฟื้นฟูชุมชนในเขตฉนวนกาซาในระยะยาว
#บลิงเกน
#ปราศรัยทิ้งทวน