การกล่าวสุนทรพจน์ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ วัย 78 ปี หลังจากได้ทำพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐฯอย่างเป็นทางการ เมื่อวานนี้ (20 ม.ค.68) เวลา 12.01 น.ตามเวลาท้องถิ่น หรือเมื่อช่วงเที่ยงคืน วันนี้ (21 ม.ค.68) ตามเวลาในประเทศไทย ภายในห้องโถงกลม อาคารรัฐสภาสหรัฐฯ ในกรุงวอชิงตันดีซี มีผู้เข้าร่วมงาน 600 คน โดยมีนายจอห์น โรเบิร์ต ประธานศาลสูงสุดของสหรัฐฯ เป็นผู้นำกล่าว นายทรัมป์ กล่าวให้คำมั่นว่า 'จะรักษา พิทักษ์และปกป้อง' รัฐธรรมนูญสหรัฐฯ ยุคทองของอเมริกากำลังจะเริ่มต้นขึ้น และเขาจะนำพาประเทศไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองและเป็นที่เคารพ พร้อมเร่งแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อและราคาพลังงาน ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญที่ประกาศไว้ในระหว่างการรณรงค์หาเสียง การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินด้านพลังงานระดับชาติ เพิ่มการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซบนแผ่นดินสหรัฐฯ ลดราคาพลังงานในสหรัฐฯ
การประกาศภาวะฉุกเฉินดังกล่าวสอดคล้องกับการกล่าวปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อเดือนส.ค.67 ซึ่งนายทรัมป์ กล่าวว่า เขาจะประกาศภาวะฉุกเฉินด้านพลังงานแห่งชาติในวันแรกที่ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี เพื่อลดราคาน้ำมันเบนซินและค่าไฟของชาวอเมริกันลงครึ่งหนึ่งภายในช่วงปีแรกที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี
ขณะเดียวกัน นายทรัมป์ ยังโจมตีการทำงานของรัฐบาลประธานาธิบดี โจ ไบเดน โดยเฉพาะการจัดการกับวิกฤตผู้อพยพ ซึ่งในภายหลังจากที่พิธีการสาบานตนเสร็จสิ้น เขาจะออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินระดับชาติที่ชายแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโก ให้ขบวนการค้ายาเสพติดเป็นผู้ก่อการร้าย และยกเลิกโครงการความหลากหลายของรัฐบาลประธานาธิบดีไบเดน เป็นส่วนหนึ่งของคำสั่งฝ่ายบริหารฉบับใหม่ที่จะเผยแพร่ในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า นอกจากนี้จะส่งกำลังทหารเข้าปกป้องชายแดนเพื่อสกัดการลักลอบเข้าเมืองจากเม็กซิโก และสหรัฐฯจะเนรเทศอาชญากรต่างชาติกลับประเทศ
สำหรับประเด็นที่ได้รับเสียงปรบมือสนับสนุนมากที่สุดในการกล่าวสุนทรพจน์ในครั้งนี้ คือการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส นายทรัมป์ กล่าวว่า เขาคือผู้สร้างสันติภาพและผู้รวมประเทศ แต่ในเวลาเดียวกัน เขากลับกล่าวว่า คลองปานามา เป็น “ของขวัญอันโง่เขลา” สำหรับปานามาและย้ำว่า เขาจะนำคลองปานามากลับมาเป็นของสหรัฐฯ และในอนาคตอ่าวเม็กซิโก จะถูกเรียกว่าอ่าวอเมริกา
นอกจากนี้ รายงานระบุว่า การลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารในการประกาศว่ารัฐบาลกลางสหรัฐฯถอนตัวจากความตกลงปารีส ซึ่งเป็นความตกลงตามกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ยกเครื่องระบบการค้าสหรัฐฯ ด้วยการเก็บภาษีอากรจากต่างประเทศเพื่อสร้างความร่ำรวยต่อชาวอเมริกัน ไม่ใช่การเก็บภาษีชาวอเมริกันเพื่อสร้างความร่ำรวยให้ประเทศอื่น และยกเลิกนโยบายส่งเสริมการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า นอกจากนี้ จะให้การยอมรับเพียง 2 เพศ คือเพศชายและเพศหญิง ขณะที่ยุติโครงการส่งเสริมความหลากหลายและเท่าเทียมทางเพศ
ก่อนเข้าพิธีสาบานตน ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ และนางจิล ไบเดน สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง ให้การต้อนรับนายทรัมป์และนางเมลาเนีย ทรัมป์ ที่ทำเนียบขาว นายไบเดนได้ทักทายนายทรัมป์ว่า ขอต้อนรับกลับบ้าน
#ทรัมป์สาบานตน
#รับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ
Cr.The Straits Times