ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดพุ่งขึ้นกว่า 500 จุดในวันอังคาร (21 ม.ค.68) โดยทั้งดาวโจนส์ และ S&P 500 ต่างก็ปิดที่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 เดือน เนื่องจาก นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้า หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ไม่ได้ประกาศใช้มาตรการภาษีศุลกากรแบบครอบจักรวาล หรือ Universal Tariffs อย่างที่ตลาดวิตกกังวลก่อนหน้านี้
-ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 44,025.81 จุด เพิ่มขึ้น 537.98 จุด หรือ +1.24%
-ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,049.24 จุด เพิ่มขึ้น 52.58 จุด หรือ +0.88%
-ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,756.78 จุด เพิ่มขึ้น 126.58 จุด หรือ +0.64%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันอังคาร (21 ม.ค.68) โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเฮลท์แคร์และกลุ่มสินค้าหรูหรา แต่การปรับตัวขึ้นได้ถูกสกัดจากความไม่แน่นอนที่ยังคงมีอยู่เกี่ยวกับมาตรการเก็บภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีทรัมป์ของสหรัฐฯ หลังการเข้ารับตำแหน่ง
-สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันอังคาร (21 ม.ค.68) หลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ ประกาศภาวะฉุกเฉินด้านพลังงานแห่งชาติเพื่อเพิ่มการผลิตน้ำมัน ทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานน้ำมันล้นตลาดในปีนี้
-สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ.68 ลดลง 1.99 ดอลลาร์ หรือ 2.56% ปิดที่ 75.89 ดอลลาร์/บาร์เรล
-สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค.68 ลดลง 86 เซนต์ หรือ 1.07% ปิดที่ 79.29 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์ก ปิดบวกในวันอังคาร (21 ม.ค.68) โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และจากการที่นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางความไม่แน่นอนของมาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีทรัมป์
-สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.68 เพิ่มขึ้น 10.50 ดอลลาร์ หรือ 0.38% ปิดที่ 2,759.20 ดอลลาร์/ออนซ์
#หุ้นดาวโจนส์พุ่ง
#น้ำมันลดลง
#มาตรการขึ้นภาษี
แฟ้มภาพ