การสอบสวนเหตุเครื่องบินโบอิ้ง 737-800 ของสายการบิน เจจูแอร์ ของเกาหลีใต้ บินจากสนามบินสุวรรณภูมิ ลงจอดที่สนามบินมูอัน ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของเกาหลีใต้ แต่เกิดอุบัติเหตุขณะลงจอด ล้อไม่กาง จอดเลยรันเวย์ ในสภาพที่ท้องของเครื่องบินไถลพื้นไปชนรั้วกั้นรันเวย์ ไฟลุกท่วมเครื่องบิน เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 67 มีผู้เสียชีวิต 179 ราย รอดชีวิต 2 คน
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า วันนี้ (27 ม.ค.68) ทีมสอบสวนของเกาหลีใต้ เปิดเผยผลสอบสวนไปยังองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) หน่วยงานควบคุมการบินพลเรือนในสังกัดของสหประชาชาติ(UN) ตลอดถึงครอบครัวผู้เสียชีวิตที่มีหลากหลายเชื้อชาติทั้งสหรัฐฯ ฝรั่งเศส รัฐบาลไทย ทราบในเบื้องต้น ซึ่งเป็นไปตามกฏระเบียบ ICAO ที่กำหนดให้สายการบินพลเรือนของรัฐสมาชิก ICAO เสนอรายงานเบื้องต้นภายใน 30 วัน นับตั้งแต่เกิดอุบัติเหตุ พร้อมทั้งกำหนดให้เสนอรายงานฉบับเต็มภายใน 1 ปี
ทีมสอบสวนของเกาหลีใต้ สันนิษฐานว่า สาเหตุหลักของอุบัติเหตุ เช่น ฝูงนกพุ่งชนเครื่องยนต์ทั้ง 2 ตัวของเครื่องบิน จนเครื่องยนต์ดับ จากนั้น นักบินได้แจ้งหอควบคุมการบินขอลงจอดฉุกเฉิน ก่อนพุ่งชนผนังกั้นรันเวย์อย่างแรง เกิดระเบิดและไฟไหม้เครื่องบิน ส่วนเครื่องยนต์ทั้ง 2 ตัว ขาดจากลำตัวเครื่องบิน ถูกฝังอยู่ใต้เนินดินบริเวณขอบกั้นของรันเวย์ ขณะที่ชิ้นส่วนลำตัวของเครื่องบินแตกกระจายห่างจากผนังกั้นรันเวย์ 30-300 เมตร
ผนังกั้นรันเวย์ ทำด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กและเนินดิน เป็นจุดที่ติดตั้งเสาอากาศสำหรับติดต่อสื่อสารทางวิทยุ ระหว่างหอควบคุมการบินกับนักบินในนำเครื่องลงจอด เป็นจุดที่เครื่องบินพุ่งชนเกิดระเบิดและไฟไหม้ ซึ่งสอดคล้องกับผู้เชี่ยวชาญที่ตรวจซากเครื่องยนต์ทั้ง 2 ตัวของเครื่องบินโดยพบทั้งขนนกและคราบเลือดนก ติดอยู่ในเครื่องยนต์ทั้ง 2 ตัว แต่รายงานไม่ได้ระบุสาเหตุที่ทำให้กล่องบันทึกข้อมูลการบินหรือกล่องดำทั้ง 2 ตัวของเครื่องบินหยุดบันทึกข้อมูลการบินพร้อมๆกันในช่วงที่นักบินแจ้งกับหอควบคุมการบิน ขอนำเครื่องลงจอดฉุกเฉิน ช่วงที่กล่องดำหยุดบันทึกข้อมูล เครื่องบินบินเหนือพื้นดิน 498 ฟุต (หรือ 152 เมตร)บินด้วยความเร็ว 161 นอต (หรือ 298 กิโลเมตรต่อชั่วโมง)
#เกาหลีใต้
#เปิดรายงานเบื้องต้น
#อุบัติเหตุเจจูแอร์