นายฌอน ดัฟฟี รัฐมนตรีคมนาคมของสหรัฐแถลงเมื่อวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น ว่า สำนักงานการบินแห่งชาติหรือเอฟเอเอ (FAA) ได้จำกัดจำนวนเที่ยวบินเฮลิคอปเตอร์ที่บินใกล้ท่าอากาศยานแห่งชาติโรนัลด์เรแกนวอชิงตัน เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดเหตุเครื่องบินชนกันอีก และสร้างหลักประกันความปลอดภัยให้แก่การจราจรของเครื่องบินและการจราจรของเฮลิคอปเตอร์
นอกจากนั้น เอฟเอเอยังได้ห้ามเฮลิคอปเตอร์ส่วนใหญ่ใช้น่านฟ้าบางส่วนของ 2 เส้นทางบินใกล้ท่าอากาศยาน โดยอนุญาตให้เฉพาะเฮลิคอปเตอร์ตำรวจและพยาบาล อากาศยานกลาโหมและประธานาธิบดีใช้น่านฟ้าที่อยู่ระหว่างท่าอากาศยานกับสะพานหลายแห่งที่อยู่ใกล้เคียง มาตรการจำกัดนี้จะบังคับใช้จนกว่าคณะกรรมการความปลอดภัยการคมนาคมแห่งชาติหรือเอ็นทีเอสบี (NTSB) จะเผยแพร่รายงานเบื้องต้นเหตุเฮลิคอปเตอร์แบล็กฮอว์กของกองทัพบกชนกับเครื่องบินของสายการบินอเมริกันแอร์ไลน์เมื่อคืนวันที่ 29 มกราคม โดยปกติแล้วจะใช้เวลา 30 วัน
สำหรับ ท่าอากาศยานแห่งชาติโรนัลด์เรแกนวอชิงตันตั้งอยู่ในเมืองอาร์ลิงตัน รัฐเวอร์จิเนีย ห่างจากกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.เพียง 8 กิโลเมตร มีผู้ใช้บริการพลุกพล่านเป็นอันดับ 24 ของประเทศ และเพิ่งเกิดเหตุอากาศยานชนกันครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบกว่า 20 ปีของสหรัฐ มีคนบนเครื่องบิน 64 คน และมีคนบนเฮลิคอปเตอร์ 3 คน จนถึงขณะนี้กู้ศพได้แล้ว 41 ศพ
หนึ่งในประเด็นซึ่งเป็นที่ถกเถียงอย่างมากจากเหตุเครื่องบินโดยสารสายการบินอเมริกันแอร์ไลน์ส (American Airlines) ชนกับเฮลิคอปเตอร์แบล็กฮอว์ก (Black Hawk) ของกองทัพสหรัฐฯ คือเรื่องของ “เจ้าหน้าที่หอควบคุมการจราจรทางอากาศไม่เพียงพอ” มีรายงานว่า ขณะเกิดเหตุ มีเจ้าหน้าที่ 2 คนที่ต้องรับผิดชอบงานของคน 4 คนภายในหอควบคุมการจราจรของสนามบินนานาชาติเรแกนในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งเป็นปลายทางของเครื่องบินลำที่เกิดเหตุ
รายงานระบุว่า จำนวนเจ้าหน้าที่ดังกล่าวอยู่ในระดับที่ “ไม่ปกติ” เมื่อเทียบกับช่วงเวลาที่เกิดเหตุและปริมาณการจราจรทางอากาศเหนือกรุงวอชิงตันดีซี ซึ่งโดยเฉลี่ยมีเฮลิคอปเตอร์มากกว่า 100 ลำต่อวันบินไปมา มีข้อมูลว่า ในช่วงที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำแหน่งผู้ควบคุมการจราจรเฮลิคอปเตอร์ (HC) ซึ่งโดยปกติจะมีเจ้าหน้าที่จนถึง 21.30 น. ต้องทำงานตำแหน่งเจ้าหน้าที่ควบคุมการบินในพื้นที่ (LC) ควบคู่ไปด้วย
การที่เจ้าหน้าที่คนเดียวต้องทำงาน 2 บทบาทนี้อาจสร้างความท้าทายให้กับเจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากน่านฟ้ามีผู้การบินพลุกพล่าน ที่สำคัญ หน้าที่เหล่านี้ใช้คลื่นความถี่วิทยุที่ต่างกัน และนักบินเครื่องบินและนักบินเฮลิคอปเตอร์อาจไม่สามารถได้ยินเสียงซึ่งกันและกันได้ แม้ว่าทั้งคู่จะติดต่อกับหอบังคับการบินก็ตาม
สหภาพแรงงานเจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศ (NATCA) ได้เตือนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาว่า พนักงานที่มีจำนวนน้อยอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อความปลอดภัย โดยมีการประเมินว่า องค์การบริหารการบินแห่งชาติสหรัฐฯ (FAA) ต้องการเจ้าหน้าที่ควบคุมการจราจรทางอากาศเพิ่มอีก 3,000 คนเพื่อตอบสนองความต้องการของอุตสาหกรรม
#จำกัดเที่ยวบินฮอ
#อเมริกันแอร์