ตร.แถลงจับกุม แก็งคอลเซนเตอร์ หลอกลวง 'ชาลอต' - 'แอนชิล' แจงขั้นตอนแบ่งงาน 3 สาย

วันนี้, 16:31น.


          พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. แถลงผล ร่วมกันจับกุม นายรามิล อายุ 31 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 4557/2567 ลงวันที่ 19 ก.ย. 67 ในความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น โดยจับกุมได้เมื่อวันที่ 30 ม.ค. 68 ที่บ้านพัก หมู่ 1 ต.คลองหินปูน อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว และนายธนาวุฒิ อายุ 28 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.153/2568 ลงวันที่ 1 ก.พ. 68 โดยจับกุมได้เมื่อวันที่ 2 ก.พ. 68 ที่บ้านพัก ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี



          พล.ต.ท.จิรภพ กล่าวว่า เคสนี้ใช้เวลาครึ่งปีในการขยายผล โดยพบว่ากลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์เข้าไปอยู่ในอาคาร 18 ชั้น โดยแก๊งนี้พักอยู่ที่ชั้น 13 มี 50 คน ผู้ต้องหาอ้างถูกชักจูงผ่านโซเชียลโดยคิดว่าจะถูกให้ไปทำงานเป็นแอดมินชักชวนให้เล่นพนันเพื่อหารายได้ แต่เมื่อไปถึงกลับถูกยึดหนังสือเดินทางและโทรศัพท์ และถูกให้มาทำงานในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยบริเวณอาคารจะมีคนคุมและเฝ้าที่หน้าตึกและชั้น 3 โดยชั้น 1 จะเป็นสถานที่ซื้อสินค้า ที่ผ่านมาจากข่าวที่ปรากฏพบอาคารแห่งนี้ว่ามีคนไทยเสียชีวิตจากการกระโดดตึกลงมา 2 ราย



          จากการจับกุมพบว่าขบวนการนี้ได้มีการใช้ AI ปลอมแปลงใบหน้าทำให้ยากต่อการจับกุม ส่วนเรื่องของเงินจากการตรวจสอบของตำรวจพบว่า เงินที่หลอกมาได้มีการแปลงเงินเป็นสินทรัพย์ดิจิทัล ก่อนจะทำการฟอกเงินเป็นสกุลเงินต่างๆ ในหลายชาติ เช่น ไทย เวียดนาม ก่อนจะแบ่งส่วนแบ่งรายได้ให้กับผู้ร่วมขบวนการ หลังจากนี้ตำรวจจะเร่งขยายผลติดตามตัวผู้บงการที่รับผลประโยชน์สูงสุด



          นายรามิล ให้การรับสารภาพว่า ตัวเองทำหน้าที่เป็นสาย 1 ในการติดต่อเหยื่อจากระบบซิมบ็อกซ์ที่มีการเซตระบบไว้ โดยจะได้ข้อมูลของเหยื่อ และจะต้องพูดตามสคริปต์ที่บอสชาวจีน และคนคุมงานซึ่งเป็นคนไทยส่งมาให้ เมื่อผู้ต้องหาพูดชักจูงเหยื่อจนเหยื่อเริ่มหลงเชื่อแล้ว จากนั้นจะมีการส่งต่อไปให้กับสาย 2 เพื่อดำเนินการ



          ผู้ต้องหา ให้การว่า พฤติการณ์ในการหลอกลวงผู้เสียหายจะประกอบไปด้วย 3 สาย โดยสายแรกจะข่มขู่ว่าผู้เสียหายมีความผิดฐานฟอกเงินและเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ก่อนจะโอนไปยังสายที่ 2 เพื่อพูดคุยโน้มน้าวปลอบให้เหยื่ออยู่ในสาย โดยตัวเองทำหน้าที่นี้อยู่ หากโอนเงินมาให้ตรวจสอบจะปลอบเหยื่อว่าได้เงินคืนอย่างแน่นอน ก่อนจะโอนไปยังสายที่ 3 ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชา และทำหน้าที่ให้ความช่วยเหลือ โดยบทบาทที่มีการแอบอ้างจะอ้างตัวเป็นตำรวจและเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยกองร้อยปอยเปตที่ทำหน้าที่พูดคุยกับผู้เสียหายรู้จักกันทุกคน



            นายธนาวุฒิ ให้การรับสารภาพว่า ตนเป็นผู้ร่วมขบวนการของเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งทำหน้าที่แต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจวิดีโอคอลเพื่อหลอกลวงเหยื่อจริง โดยตัวเองได้แต่งตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและวิดีโอคอลไปหลอกลวงผู้เสียหายอีกหลายราย รวมไปถึงบุคคลที่มีชื่อเสียงในประเทศไทย



          ที่ผ่านมาเคยหลอกบุคคลที่มีชื่อเสียงคือ น.ส.ชาล็อต ออสติน และแอนชิลี และเคยพยายามหนีออกจากขบวนการแต่โดนใช้ไม้เบสบอลตี 5 ครั้ง ที่หลุดออกมาจากวงโคจรได้เพราะป่วยเป็นโรคหัวใจ โดยขบวนการได้ปล่อยให้เดินทางกลับพร้อมให้เงินมา 40,000 บาท เนื่องจากให้เหตุผลว่าตัวเองไม่มีประโยชน์กับขบวนการแล้วกลับมาไทยได้เพียง 2 สัปดาห์



#นายร้อยปอยเปต



#แก็งคอลเซนเตอร์ 



 

ข่าวทั้งหมด

X