คณะกรรมการการเลือกตั้งของอินโดนีเซีย สรุปผลการนับคะแนนเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.)เมื่อวันที่ 9 เม.ย. ระบุว่า พรรคการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย หรือ พีดีไอ-พี ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านของอดีตประธานาธิบดีเมกาวะตี ซูการ์โนบุตรี ชนะการเลือกตั้งด้วยคะแนนร้อยละ 18.95 ต่ำกว่าผลสำรวจในช่วงก่อนหน้าการเลือกตั้ง ซึ่งก็หมายความว่า นายโจโก วิโดโด ผู้ว่ากรุงจาการ์ตา ซึ่งเป็นขวัญใจมหาชน และเป็นตัวแทนพรรคในการลงสมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 9 ก.ค.นี้ จะต้องเผชิญความยากลำบากมากขึ้นในการช่วงชิงตำแหน่งเป็นผู้สมัครในนามของพรรคลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี เนื่องจาก จะต้องได้รับเสียงสนับสนุนจากสมาชิกพรรคและพรรคร่วมรัฐบาลให้ได้ถึงร้อยละ 25 หรือคิดเป็นสัดส่วนที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรร้อยละ 20 จากจำนวนทั้งหมด 560 ที่นั่ง โดยคณะกรรมการการเลือกตั้งจะประกาศตัวเลขที่นั่งของแต่ละพรรคให้ได้รับทราบภายในช่วงไม่กี่วันข้างหน้านี้ ส่วนพรรคที่ได้คะแนนตามมาเป็นอันดับ 2 ได้แก่ พรรคประชาธิปไตยของประธานาธิบดีซูสิโล บัมบัง ยูโดโยโน ซึ่งได้คะแนนลดลงเหลือร้อยละ 10 โดยประมาณ เนื่องจากปัญหาคอร์รัปชั่น ส่วนพรรคโกลคาร์ของนักธุรกิจชื่อดัง นายอาบูริซาล บาครี วัย 67 ปี และของอดีตประธานาธิบดีซูฮาร์โตได้ร้อยละ 14.75 ขณะที่พรรคเก-ริน-ดราของ พล.อ.ปราโบโว ซูเบียนโต วัย 62 ปี ว่าที่ผู้สมัครประธานาธิบดี ได้ร้อยละ 11.81 ท่ามกลางข้อกล่าวหาเรื่องการซื้อเสียงของพรรคต่างๆ จนต้องถึงขั้นฟ้องร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ทำให้การนับคะแนนเลือกตั้งล่าช้าในหลายพื้นที่ อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์การเมืองของอินโดนีเซียชี้ว่า แม้พรรคพีดีไอ-พี จะได้คะแนนนิยมจากนายวิโดโด แต่ผลการเลือกตั้งครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า ประชาชนให้ความสำคัญกับประวัติการทำงานมากกว่าการนำเสนอตัวบุคคล
ทีมต่างประเทศ