หน่วยยามฝั่ง (Coast Guard) ของสหรัฐฯ เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ (7 ก.พ.) ว่า พบเครื่องบินตกลำหนึ่ง ซึ่งตรงกับเครื่องบิน ที่บรรทุกผู้โดยสาร 10 คนที่หายไปบริเวณชายฝั่งตะวันตกของอะแลสกา เมื่อบ่ายวันพฤหัสบดี (6 ก.พ.)
สำหรับ เครื่องบินดังกล่าวถูกพบห่างจากเมืองโนม (Nome) ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกของอะแลสกา ประมาณ 54 กิโลเมตรไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้
หน่วยยามฝั่งยืนยันว่า ผู้โดยสาร 10 คนบนเครื่องบินเสียชีวิตทั้งหมด ซากเครื่องบินได้ถูกพบหลังจากการค้นหานานหลายชั่วโมงท่ามกลางสภาพอากาศเลวร้ายและทัศนวิสัยต่ำ
ไมค์ ซาเลอร์โน โฆษกหน่วยยามฝั่ง ระบุในงานแถลงข่าวว่า นักประดาน้ำกู้ชีพของยามฝั่ง 2 นายได้เข้าไปถึงซากเครื่องบิน และเห็นศพอย่างน้อย 3 ร่าง ส่วนอีก 7 ร่างที่เหลือคาดว่าจะติดอยู่ภายในเครื่อง
เครื่องบินเล็กลำนี้ มีกัปตัน 1 คน และผู้โดยสาร 9 คนถูกแจ้งสูญหายเมื่อเวลา 16.00 น. ของวันพฤหัสบดี(6) ขณะกำลังเดินทางออกจากเมืองยูนาลาคลีต (Unalakleet) ตามข้อมูลจากเว็บไซต์ของหน่วยกำลังพลของรัฐอะแลสกา (Alaska State Troopers) ที่เมืองโนม ซึ่งอยู่ห่างจากแองเคอเรจไปทางตะวันตกเฉียงเหนือมากกว่า 805 กิโลเมตร
จุดที่เครื่องบินขาดการติดต่ออยู่ห่างจากชายฝั่งประมาณ 19 กิโลเมตรเหนือปากน้ำนอร์ตันซาวนด์ (Norton Sound) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทะเลแบริง
เบนจามิน แมคอินไทร์-โคเบิล เจ้าหน้าที่ยามฝั่งอะแลสกา ระบุว่าตามข้อมูลเรดาร์พบว่าเครื่องบินลำนี้สูญเสียทั้งความเร็วและระดับความสูงอย่างกะทันหัน แต่ยังไม่สามารถระบุชี้ชัดถึงสาเหตุได้ รู้แต่เพียงว่าช่วงเวลานั้นสภาพอากาศค่อนข้างเลวร้ายและหนาวจัด
เครื่องบินลำนี้ปฏิบัติการโดยสารการบิน Bering Air และอยู่ระหว่างเดินทางจากยูนาลาคลีตมายังโนมขณะที่ประสบอุบัติเหตุ โดยเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข่าวไปยังญาติของผู้เสียชีวิตทุกคนแล้ว ทว่ายังไม่มีการเปิดเผยรายชื่อออกมา
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยการบินในสหรัฐฯ โดยพนักงานสอบสวนของ NTSB ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบสาเหตุของโศกนาฏกรรมร้ายแรง 2 ครั้งที่เกิดขึ้นห่างกันแค่ไม่กี่วัน ได้แก่ เหตุการณ์เครื่องบินโดยสารอเมริกันแอร์ไลน์สพุ่งชนเฮลิคอปเตอร์แบล็กฮอว์กที่สนามบินเรแกนในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 67 คน และกรณีเครื่องบินพยาบาลตกที่ฟิลาเดลเฟีย ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตไปอีก 7 ศพ
#เครื่องบินตก
#สหรัฐ