พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า หลังจากที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้กำหนด 7 มาตรการคุมเข้มแก้ไขปัญหาคนต่างด้าวลักลอบเข้าเมือง ถูกหลอกลวง หรือประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย และอาชญากรรมข้ามชาติ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ให้ทุกหน่วยดำเนินการอย่างจริงจังให้เห็นผลเป็นรูปธรรม
ผบ.ตร.สั่งการให้มีการวิเคราะห์แนวโน้มสถานการณ์คนต่างด้าวผิดกฎหมาย แก๊งคอลเซ็นเตอร์ อาชญากรรมข้ามชาติ หลังที่รัฐบาลมีมาตรการเด็ดขาดตัดไฟ สัญญาณอินเตอร์เน็ต น้ำมันเชื้อเพลิง โดยตำรวจพอจะทราบแนวทางรูปแบบของกลุ่มเหล่านี้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการปรับเปลี่ยนแนวทางกระทำผิด หรือการย้ายฐานกระทำผิด ซึ่งได้เตรียมมาตรการรองรับไว้แล้ว นอกจากนี้ มีคำสั่งย้ายนายตำรวจระดับ ผบก.2 นาย และ ผกก.3 นาย ในพื้นที่ จ.ตาก มาช่วยราชการ พร้อมตั้งกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง หากพบว่าตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องหรือเกียร์ว่าง พร้อมจะดำเนินการอย่างจริงจัง
การทำงานตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค.ถึง 11 ก.พ.68
-ด้านการป้องกัน:มีการตั้งจุดตรวจ 5,099 จุดสำคัญทั่วประเทศ , ตรวจสอบยานพาหนะ 478,282 คัน ทั้งในเส้นทางและรถข้ามชายแดน ตรวจสอบข้อมูลป้ายทะเบียนรถและใบหน้าบุคคล 21,832 ข้อมูล , ตรวจสอบที่พัก สถานีขนส่ง จุดผ่านแดน ช่องทางธรรมชาติ 8,651 ครั้ง
-ด้านการปราบปราม:จับกุมต่างด้าวผิดกฎหมาย 524 ราย ปฏิเสธการเข้าเมือง 231 ราย เพิกถอนใบอนุญาต 12 ราย บันทึกข้อมูลเฝ้าระวัง 45,701 ราย,จับกุมยานพาหนะเสี่ยง 76 ราย,มีการจับกุมรายใหญ่สำคัญหลายคดี เช่น ตำรวจสอบสวนกลางจับกุมผู้ต้องหา 2 ราย พร้อม Simbox 2 เครื่อง ยึดอุปกรณ์คอมพิวเตอร์หลายรายการที่ จ.สงขลา และจับกุมดาวกองร้อย นายร้อยปอยเปต แก๊งคอลเซ็นเตอร์ข้ามชาติ,ตำรวจตระเวนชายแดนจับกุมผู้ต้องหา 2 ราย พร้อมอุปกรณ์สื่อสารจำนวนมากในพื้นที่ จ.ตาก,ตำรวจนครบาลจับผู้ต้องหาชาวจีน 2 ราย เครือข่ายใหญ่ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ พร้อมยึดเงินสดของกลางกว่า 15 ล้านบาท,ตำรวจภูธรภาค 2 จับแก๊งชาวจีนปล่อยเงินกู้ออนไลน์ข้ามชาติในพื้นที่ จ.ชลบุรี,ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจับผู้ต้องหาคนจีนและคนไทยพาคนต่างด้าวไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ประเทศเพื่อนบ้าน เป็นต้น
#ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์
Cr.ขอบคุณข้อมูล-ภาพ กองสารนิเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ