อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 3 ในเดือนมกราคม 2568 เนื่องจากราคาไข่และพลังงานที่สูงขึ้น โดยยังเป็นอัตราสูงสุดในรอบ 6 เดือน และสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 2.9
การเพิ่มขึ้นนี้เกิดขึ้นไม่กี่สัปดาห์หลังจากธนาคารกลางของสหรัฐฯ หรือ เฟด ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากทิศทางเศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอนอย่างมาก เป็นความท้าทายอย่างมากสำหรับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่กำหนดให้การแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อเป็นนโยบายหลักในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งเมื่อปีที่แล้ว (2567) ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์มีความเห็นว่า นโยบายต่างๆ โดยเฉพาะการขึ้นภาษีนำเข้าเป็นสาเหตุที่ทำให้สินค้ามีราคาแพงขึ้น
นายไรอัน สวีท หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์สหรัฐฯ ของออกซ์ฟอร์ด อิโคโนมิคส์ กล่าวว่ารายงานล่าสุดนี้อาจสร้างแรงกดดันให้ประธานาธิบดีทรัมป์ทบทวนแผนการทำงานอีกครั้ง เพราะมาตรการภาษีศุลกากรอาจเป็นเครื่องมือที่ดีในการต่อรองเพื่อให้ได้ผลประโยชน์เพิ่มขึ้น แต่การที่ส่งผลให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นอาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีในทางการเมือง
ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.5 ในรอบเดือน เมื่อเทียบกับร้อยละ 0.3 ในเดือนธันวาคม โดยราคาไข่เพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 15 ท่ามกลางปัญหาขาดแคลนจากการระบาดของไข้หวัดนก
ในทางตรงกันข้าม ราคาเสื้อผ้ากลับลดลง ในขณะที่ค่าเช่าและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.4 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งถือเป็นการเพิ่มขึ้น 12 เดือนที่น้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2565
อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมอาหารและพลังงาน และนักวิเคราะห์มองว่าเป็นตัววัดแนวโน้มพื้นฐานที่ดีกว่า อยู่ที่ร้อยละ 0.4 ในเดือนนี้ ซึ่งถือเป็นอัตราที่เร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม
...
#เงินเฟ้อสหรัฐ