นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ยังมั่นใจว่า เศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้ 3% และพยายามทำให้ถึง 3.5% โดยในปี 68 รัฐบาลยังมีการขับเคลื่อนนโยบายอีกหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการกระตุ้นผ่านโครงการเงิน 10,000 บาทในเฟสถัดไป รวมไปถึงโครงการ Easy E-Receipt ที่เป็นตัวขับเคลื่อนการกระตุ้น เศรษฐกิจทั้งสิ้น สวนทางที่สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) หรือสภาพัฒน์ ที่คาดว่าจะโตได้ 2.3-3.3% ค่ากลางที่ 2.8% ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขของกระทรวงการคลัง
ด้านศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ไทยปี 2568 มีแนวโน้มชะลอลงเล็กน้อย อยู่ที่2.4% โดยคาดว่าการส่งออกในปีนี้ จะเติบโตชะลอลง แม้จะได้รับแรงสนับสนุนบางส่วนจากการเร่งนำเข้าสินค้า ก่อนการปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ประกอบกับวัฏจักรขาขึ้นของสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ แต่ไทยมีความเสี่ยงที่จะถูกสหรัฐฯ จัดเก็บภาษีในลำดับถัดไป เนื่องจากไทยเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ ในระดับสูง และมีการเก็บภาษีนำเข้าเฉลี่ยสูงกว่าสหรัฐฯ ซึ่งการปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ มีแนวโน้มส่งผลให้การส่งออกไปสหรัฐฯ ลดลง ขณะที่การส่งออกไทยยังไปยังตลาดโลก มีแนวโน้มเผชิญการแข่งขันที่สูงขึ้นและอุปสงค์ที่ลดลง
เงินบาท ปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 33.69 บาท/ดอลลาร์ จากเปิดตลาดเมื่อเช้าอยู่ที่ระดับ 33.71 บาท/ดอลลาร์ เคลื่อนไหวตามสถานการณ์ราคาทองในตลาดโลก ขณะที่ค่าเงินในภูมิภาคปรับตัวอ่อนค่าหลังดอลลาร์ แข็งค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลหลัก ช่วงนี้ตลาดติดตามถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และสถานการณ์ราคาทองในตลาดโลก
ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,257.48 จุด เพิ่มขึ้น 1.00 จุด มูลค่าซื้อขาย 47,364.04 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 1.49 ล้านบาท
ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดพุ่งขึ้นในวันนี้ (18 ก.พ.) หลังจากประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ส่งสัญญาณสนับสนุนภาคเอกชน หลังการประชุมร่วมกับบรรดาผู้บริหารบริษัทชั้นนำในวันจันทร์ (17 ก.พ.) ดัชนีฮั่งเส็ง ปิดที่ระดับ 22,976.81 จุด เพิ่มขึ้น 360.58 จุด
ดัชนีนิกเกอิ ตลาดหุ้นโตเกียว ปิดบวกในวันนี้ (18 ก.พ.) จากแรงซื้อหุ้นกลุ่มส่งออกที่ได้อานิสงส์จากค่าเงินเยนอ่อน และหุ้นกลุ่มธนาคารที่ได้ประโยชน์จากผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของญี่ปุ่นที่พุ่งสูงขึ้น ดัชนีนิกเกอิ ปิดตลาดที่ระดับ 39,270.40 จุด เพิ่มขึ้น 96.15 จุด
#เศรษฐกิจไทย