หลังจากรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เลิกจ้างพนักงานหลายพันคนในหน่วยงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศสหรัฐฯ (USAID) ทำให้มีผู้ยื่นคำร้องต่อศาล ทำให้ศาลมีคำสั่งให้รัฐบาลระงับแผนเลิกจ้างพนักงานกลุ่มดังกล่าวชั่วคราว จนเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (21 ก.พ.68) ผู้พิพากษาคาร์ล นิโคลส์ จากศาลกรุงวอชิงตันดี.ซี.เปิดทางให้รัฐบาลทรัมป์ เลิกจ้างพนักงานหลายพันคน เพื่อปรับขนาดองค์กรภาครัฐ และลดจำนวนพนักงาน ตามนโยบายที่หาเสียงไว้กับประชาชน
ล่าสุด บีบีซี รายงานว่า เมื่อวานนี้ (23 ก.พ.68) สำนักงานบริหาร(Office of the Administrator) ของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัดล์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ แจ้งทางอีเมลถึงพนักงานทั่วโลกรวม 10,000 คน เรื่องการเลิกจ้างพนักงาน 1,600 คนในหน่วยงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศสหรัฐฯ (USAID) และให้พนักงานอีก 4,200 คน หยุดงานชั่วคราว เริ่มตั้งแต่หลังเที่ยงคืนวันอาทิตย์ (23 ก.พ.68) ตามเวลาท้องถิ่น หรือ เที่ยงวันนี้ (24 ก.พ.68) ตามเวลาประเทศไทย ยกเว้นพนักงานที่รับผิดชอบเกี่ยวกับภารกิจสำคัญๆหรือผู้บริหารแผนก ตามแจ้งให้ทราบในอีเมล ต้องกลับมาทำงานตามปกติ เบื้องต้น ยังไม่ชัดเจนว่าจะมีพนักงานกี่คนที่จะกลับมาทำงานต่อไป ที่ผ่านมา USAID เคยระบุว่าพนักงาน 611 คน ทำงานในภารกิจที่สำคัญขององค์กร
ขณะที่ นักวิเคราะห์ ระบุว่า ผลของคำสั่งดังกล่าว จะทำให้พนักงานประมาณ 5,800 คน ถูกสั่งพักงานชั่วคราว หรือเลิกจ้าง ซึ่งมีสัดส่วนมากกว่าครึ่งหนึ่งจากจำนวนพนักงาน USAID ทั้งหมด
USAID ตั้งขึ้นในปี 2504 เพื่อให้การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในต่างแดน เช่น โครงการวัคซีนป้องกันโรคโปลิโอและการช่วยเหลือผู้ลี้ภัยในปาเลสไตน์
#รัฐบาลทรัมป์
#ปรับลดองค์กรUSAID