นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวว่า นายกฯ เตรียมลงนามในคำสั่งตั้งศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้า เพื่อให้เจ้าหน้าที่มีเครื่องมือรองรับการปฏิบัติงานในพื้นที่ สำหรับการดูแลจัดส่งต่างชาติที่ได้รับผลกระทบจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลับประเทศ โดยในสัปดาห์หน้าจะมีการประชุมไตรภาคี 3 ฝ่าย เพื่อให้การปฏิบัติเป็นไปอย่างชัดเจน ไม่มีการโยนว่าหน่วยงานไหนจะรับผิดชอบ และแก้ปัญหาให้ตรงจุด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เนื่องจากยังมีเหยื่ออยู่ฝั่งเมียนมาเป็นจำนวนมาก ขณะนี้ไทยกำลังพิจารณาอยู่ว่าจะดูแลอย่างไร หากปล่อยทิ้งไว้จะเป็นปัญหายุ่งยากกับประเทศไทยอย่างมาก ดังนั้นต้องมีกระบวนการพิจารณาว่า อาจจะประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ ให้เร็วขึ้น ซึ่งจากการพูดคุยกับนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ อยากให้ประเทศต่าง ๆ มารับคนของตัวเองกลับไป ซึ่งทางการจีนเองก็กำลังพิจารณาอยู่ จึงจำเป็นต้องตรวจพิสูจน์บุคคลให้มีความชัดเจน
สำหรับเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวเอธิโอเปีย ที่ตกค้างอยู่ที่มณฑลทหารบกที่ 310 (ค่ายวชิรปราการ) นั้น สถานทูตเอธิโอเปียทำหน้าที่ประสานให้กับชาวแอฟริกาทั้งหมดเพื่อส่งตัวคืน เพราะไทยไม่ต้องการให้จุดตรงนั้นเกิดการแบกรับไม่ไหวแล้วปล่อยกระจาย ซึ่งจะส่งผลกระทบภายในของไทย จึงต้องสกัดตามแนวชายแดนตามนโยบาย Seal Stop Safe ที่ไทยจะต้องตรึงในพื้นที่ และตรวจสอบต่อไปว่ามีเครือข่ายของคนไทยร่วมด้วยหรือไม่ จึงต้องดูรายละเอียดให้ชัดเจนก่อน
รมว.กลาโหม ยืนยันว่า ไทยได้ดำเนินการอย่างจริงจัง เช่นเดียวกับเมียนมาที่ให้ความร่วมมือในเรื่องนี้อย่างจริงจังอย่างจริงจัง เช่น พญาตองซู มอญ ก็จัดการอย่างเต็มที่ เพราะมีการขีดเส้นใต้ไว้แล้ว ซึ่งไม่แตกต่างจากจุดอื่น และเมียนมาก็ดำเนินการกวาดล้างให้เห็นอย่างชัดเจน และส่งตัวมาไทยในฐานะประเทศทางผ่าน ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายของไทยอย่างครบถ้วน โดยจะเร่งส่งตัวกลับให้เร็วที่สุดให้เร็วที่สุด เท่าที่ทราบว่ามีมากกว่า 6,000 คน แต่ต้องดูข้อเท็จจริงแล้วนำกลับมาวางแผน
#เมียนมา
#แก็งคอลเซนเตอร์