ผู้ช่วยรมต.ต่างประเทศ ย้ำ จีนรับรองความปลอดภัย ส่งกลับ 40 อุยกูร์ หลังไม่มีประเทศใดรับ

วันนี้, 10:48น.


          การส่งกลับชาวอุยกูร์ 40 คน กลับจีน นายรัศม์ ชาลีจีนทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ เห็นว่า ทางการไทยมีท่าทีตลอดมาว่าจะหาทางออกเรื่องนี้ให้เหมาะสมที่สุด ซึ่งเมื่อไม่มีประเทศใดจริงจังที่จะรับคนพวกนี้ และทางจีนมีหนังสือรับรองความปลอดภัยเป็นทางการแล้ว ไทยย่อมต้องถือตามนั้น จะไปบอกว่าเราไม่เชื่อถือคำพูดของเขาไม่ได้ ไม่งั้นก็ไม่ต้องมีความสัมพันธ์กัน และโดยที่จีนรับรองความปลอดภัยเป็นทางการแล้ว ประเด็นการส่งตัวไปสู่สภาวะอันตราย ซึ่งไทยมีกฏหมายห้ามและที่อาจขัดหลัก non-refoulement ตามกฏหมายระหว่างประเทศ จึงหมดไป แต่ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ฟ้องศาลได้และแล้วแต่ศาลจะตีความอีกที



          นายรัศม์ ยังเห็นว่า ในแง่หนึ่ง การส่งกลับไปจีนถือเป็นเรื่องมนุษยธรรมได้เช่นกัน เพราะการกักขังเขาโดยไม่มีความผิดและไม่มีกำหนดนั้น ยิ่งเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนและไร้มนุษยธรรมยิ่งกว่าไม่งั้นเราอยากจะให้ขังพวกเขาตายจนคาคุกหรือ? เพราะไม่มีประเทศไหนที่ยอมช่วยเหลือจริงจัง (ขอเน้นคำว่าจริงจัง) 



          นายรัศม์ ยังมั่นใจว่า  ทางเลือกทั้ง 3 ประการ การส่งตัวกลับจีนโดยได้รับการรับรองความปลอดภัยอย่างเป็นทางการ จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดที่ไทยพอทำได้ และยังดีกว่าขังพวกเขาไปเรื่อยๆ จนตายคาห้องขัง อย่างไร้มนุษยธรรม ซึ่งอาจไม่ถูกใจหลายคน และเป็นเรื่องน่าเศร้า แต่ไทยไม่ได้เป็นผู้ก่อปัญหานี้ขึ้นมาแต่แรก และเรื่องนี้มันเอาแต่พูดสวยหรูโก้ๆไม่ได้เพราะเกี่ยวพันกับชีวิตปากท้องประชาชนคนไทยโดยรวมด้วยเช่นกัน ที่ไม่ได้มีประเทศใดจะยื่นมือมาช่วยเราจริง และก็ยอมรับว่าจริงๆ มันน่าเศร้า และใจผมก็ไม่ได้อยากให้สิ่งนี้เกิดขึ้น แต่นึกไม่ออกว่าแล้วจะให้ทำอย่างไร?



          สำหรับ 3 ทางเลือก ดังนี้

1.) ไม่ส่งให้ใคร และคุมขังพวกเขาต่อไปเรื่อยๆ 

2.) ส่งไปให้ประเทศที่สาม (หากมีประเทศใดที่จะแน่วแน่ช่วยเหลือยอมรับอย่างจริงจัง)

3.) ส่งกลับไปประเทศต้นทาง ซึ่งคือจีน



          ทางเลือกที่1 แม้จะง่ายแต่ก็เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง เพราะเป็นการกักขังโดยไม่มีความผิดและไม่มีกำหนด (indefinite detention) ซึ่งเข้าข่ายผิดทั้งกฏหมายทั้งของไทยและระหว่างประเทศ และโหดร้ายต่อชะตากรรมพวกเขาอย่างไร้มนุษยธรรมยิ่ง



          ทางเลือกที่ 2ฟังดูดีที่สุดแต่ยากจะเป็นไปได้จริง เพราะเอาเข้าจริงๆก็ไม่ได้มีประเทศไหนมุ่งมั่นอยากรับจริง  อาจมีที่เคยแสดงท่าทีบ้างแล้วก็เงียบหาย ไม่ได้จะมาแน่วแน่ช่วยเหลืออย่างจริงจังเต็มที่อะไร แม้แต่ประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ หรือองค์การระหว่างประเทศเองอย่าง UNHCR ก็ไม่ได้ให้สถานะผู้ลี้ภัยแก่คนเหล่านี้ บางประเทศมาชี้นิ้วห้ามไทยส่งให้จีน แต่ก็ไม่ได้มีข้อเสนอทางเลือกอื่นอะไรให้ ซึ่งจริง ๆ ประเทศเหล่านี้ทำไมไม่ไปล็อบบี้ เจรจากับจีนโดยตรงบ้างว่า ขอให้ยอมส่งไปประเทศที่สามได้ ก็ไม่เห็นมีประเทศไหนทำ รวมทั้งไม่เห็นมีใครมาบอกว่าหากไทยถูกจีนตอบโต้แล้วจะมาช่วยเหลืออะไรเรา เรื่องมันน่าเศร้าที่ประเทศต่างๆ เอาเข้าจริงก็มักหน้าไหว้หลังหลอก ไม่ได้ตั้งใจช่วยเหลือเราจริงจัง มีแต่คำพูดสวยหรู และเก่งกับชี้นิ้วประเทศเล็กๆอย่างไทยเท่านั้น ในขณะที่การส่งตัวไปประเทศที่สามไทยอาจต้องเผชิญกับการตอบโต้จากฝ่ายจีนโดยไม่มีประเทศไหนจะยื่นมือมาช่วยเหลือ ที่อาจส่งผลกระทบระดับรุนแรงต่อประชาชนคนไทยจำนวนมากที่ไม่ควรต้องมารับผลด้วย คำถามจึงคือคนไทยพร้อมจะเผชิญสิ่งนี้หรือไม่เพียงใด? การส่งตัวไปประเทศที่สาม แม้ฟังดูดีแต่ในความเป็นจริงยากจะเกิดขึ้นได้ ไม่ว่าพรรคไหนจะมาเป็นรัฐบาลไทยก็ตาม นี่คือความเป็นจริง



          ทางเลือกที่ 3 แม้อาจฟังดูโหดร้าย แต่โดยที่ทางการจีนได้มีหนังสือรับรองอย่างเป็นทางการต่อความปลอดภัยของคนเหล่านี้ตามที่ไทยขอซึ่งในแง่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ไทยไม่มีเหตุผลที่จะไม่เชื่อสิ่งที่จีนรับรองอย่างเป็นทางการ และแม้หลายฝ่ายอาจไม่เชื่อจีน แต่เมื่อเขามีหนังสือรับรองเป็นทางการแล้ว เขาก็มีพันธะที่ต้องปฏิบัติตาม ถ้าไม่ทำตามนั้นก็เท่ากับผิดคำพูดและย่อมเป็นผลเสียต่อจีนเอง ซึ่งผมคิดว่าจีนซึ่งเป็นประเทศมหาอำนาจก็จำเป็นต้องรักษาคำพูดของเขาเช่นกัน 



#ส่งกลับอุยกูร์ 



CR:กรมประชาสัมพันธ์ 

ข่าวทั้งหมด

X