สมาคมรถไฟเอกชนแห่งญี่ปุ่น รายงานผลการสำรวจประจำปี เกี่ยวกับมารยาทของนักเดินทางบนรถไฟและที่สถานี สำรวจผ่านทางออนไลน์ในเดือนตุลาคมและพฤศจิกายน (2567) โดยมีเป้าหมายเพื่อปรับปรุงมารยาทในสถานีและบนรถไฟ พบว่าผู้โดยสารรถไฟชาวญี่ปุ่นร้อยละ 62.9 รู้สึกหงุดหงิดกับพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่มีการการสนทนาเสียงดังและพฤติกรรมวุ่นวาย
รองลงมาคือ วิธีการขนและเก็บสัมภาระ
และอันดับสามคือ การเดินผ่านสิ่งอำนวยความสะดวกของสถานี รวมถึงการปิดกั้นทางเดินและไม่ใส่ใจการจราจรของคนเดินเท้า
เป็นครั้งแรกที่การสำรวจครั้งนี้เน้นไปที่พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวต่างชาติ เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเที่ยวญี่ปุ่นเพิ่มมากขึ้น สมาคมจึงได้รวมคำถามนี้ไว้โดยคำนึงถึงการนำผลการศึกษาเรื่องมารยาทไปใช้
เมื่อสอบถามเกี่ยวกับพฤติกรรมน่ารำคาญที่สุดของผู้โดยสารทั่วไป ที่พบเจอบนรถไฟและสถานีรถไฟในญี่ปุ่น
อันดับ 1 ร้อยละ 50.5 ระบุว่า คือ การไอหรือจามโดยไม่คำนึงถึงสภาพแวดล้อมรอบตัว ซึ่งยังเป็นครั้งแรกที่มีการระบุถึงพฤติกรรมนี้ นับตั้งแต่สมาคมเริ่มดำเนินการสำรวจในปี 2542 คาดว่าอาจเกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ เนื่องจากผู้โดยสารจำนวนมาก เดินทางโดยไม่สวมหน้ากากอนามัย หลังจากที่มีการยกเลิกข้อจำกัดการเดินทางที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19
ร้อยละ 31.9 ระบุว่า การนั่งบนรถไฟโดยไม่คำนึงถึงผู้โดยสารคนอื่น
ร้อยละ 29.2 ระบุว่า การสนทนาเสียงดังและพฤติกรรมเอะอะโวยวาย
ร้อยละ 26.3 ระบุว่า กลิ่นน้ำหอม เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์อื่นๆ
และร้อยละ 23.8 ระบุว่า คือ พฤติกรรมเมื่อขึ้นและลงรถไฟ
สมาคมฯ ตั้งข้อสังเกตว่า วิธีการที่ผู้โดยสารนั่งและประพฤติตนเมื่อขึ้นหรือลงรถไฟยังคงเป็นสาเหตุที่สร้างความหงุดหงิดให้กับผู้เดินทางคนอื่นอยู่เสมอ โดยมักติดอันดับสามอันดับแรกทุกครั้งที่มีการสำรวจ ซึ่งได้แก่การนั่งยืดตัว ไขว้ขา และแยกขา ใช้พื้นที่มากเกินความจำเป็น ขณะที่การยืนกีดขวางประตูรถและปฏิเสธที่จะเข้าไปอยู่ตรงกลางตู้รถถือเป็นพฤติกรรมทำให้รู้สึกรำคาญมากที่สุด
และจากผู้ตอบแบบสำรวจ 5,314 ราย ร้อยละ17.5 กล่าวว่าพวกเขารู้สึกว่ามารยาทดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อนในขณะที่ร้อยละ 47.4 รู้สึกว่ามารยาทของตนแย่ลง
...
#รถไฟญี่ปุ่น
#นักท่องเที่ยวต่างชาติ