การออกหมายจับและจับกุม 100 คนไทยจาก 119 คน ที่ถูกส่งตัวกลับมาจากปอยเปต หลังพบความผิดเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ผบช.สอท. เปิดเผยความคืบหน้าคดีว่า ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาที่ได้จับกุมและแจ้งข้อหาตามหมายจับ 93 คน จากจำนวนหมายจับทั้งหมด 102 หมายจับ โดยเป็นหมายจับของบอสชาวจีน 2 หมายจับ ซึ่งได้หลบหนีไปแล้ว ส่วนอีก 100 หมายจับได้จับกุมไปก่อนหน้านี้แล้ว 7 หมายจับ อีก 93 หมายจับ ได้ถูกนำตัวจากอรัญประเทศมาส่งที่ บช.สอท.เมื่อวานนี้ โดยผู้ต้องหาที่เป็นผู้หญิงจำนวน 48 คน ควบคุมตัวไว้ที่ บช.สอท. ส่วนผู้ชายจำนวน 45 คน แยกไปควบคุมตัวตามสถานีตำรวจต่างๆ ดังนี้ สภ.ปากเกร็ด, สภ.เมืองนนทบุรี และ สน.ทุ่งสองห้อง
ทางการกัมพูชาส่งตัวคนไทยกลับมา 119 คน ได้ดำเนินคดี 100 คน ส่วน 19 คน แบ่งเป็นเยาวชน 4 คน จากการซักถามเบื้องต้นพบมีเยาวชน 2 คน เข้าข่ายกระทำความผิดเกี่ยวกับเรื่องคอลเซ็นเตอร์ ทั้งนี้มี 15 คน ถูกจับกุมจากอีกอาคารหนึ่ง ซึ่งอาคารแห่งนี้จากพยานหลักฐานเบื้องต้นยังไม่พบข้อมูลว่า 15 คนนี้ไปเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่มีการหลอกลวงแต่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันในกัมพูชา
การออกหมายจับครั้งนี้มีพยานหลักฐานหลายส่วนประกอบด้วย ข้อมูลการสืบสวนจากระบบ Thaipoliceonline ซึ่งมีผู้เสียหายมาแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ต้องหาหลายคน, ข้อมูลจากการสืบสวนของตำรวจภูธรภาค 2, ข้อมูลจากทางการกัมพูชาได้จับกุมและส่งมาให้ และข้อมูลที่ได้จากการซักถามสอบสวนผู้ต้องหาบางรายให้ความร่วมมือสมัครใจให้การเป็นประโยชน์ เบื้องต้นพบความเชื่อมโยงคดี 46 เคสไอดีมูลค่าความเสียหายหลาย 10 ล้านบาท ทั้งหมดพบว่าเป็นพนักงานระดับล่างในจำนวนนี้มีล่ามอยู่หนึ่งคน
จากการสอบถามเบื้องต้นพบพฤติกรรมขององค์กรอาชญากรรมข้ามชาติกลุ่มนี้ ส่วนใหญ่ต้องการไปหาทำงานที่ประเทศกัมพูชา บางคนโพสต์ในโซเชียลว่าต้องการหางานสายเทาโดยเฉพาะ และพบการเข้าออกประเทศหลายสิบครั้งต่อคน จากการซักถามพบว่ากลุ่มคนเหล่านี้จะทำงานอยู่ภายในบริเวณที่เรียกกันว่าภูตาสวน เป็นอาคารหลังเดียว แต่ภายในอาคารจะแบ่งเป็นห้องย่อยๆ มีมากกว่า 20 ห้อง ซึ่งแต่ละห้องจะถูกเรียกว่าออฟฟิศ และจะใช้ทำการหลอกลวงในรูปแบบต่างๆ โดยมีผู้ต้องหาบางรายรับสารภาพว่า จะทำงานหลอกลวงเป็นเจ้าหน้าที่กรมบัญชีกลาง เพื่อไปหลอกเอาเงินบำนาญคนที่เกษียณอายุราชการแล้ว และยังมีการหลอกลวงเป็นเจ้าหน้าที่ไฟฟ้า ว่าจะได้รับเงินคืนหรือส่วนลดค่าไฟฟ้า โดยการให้เหยื่อติดตั้งแอปพลิเคชั่นดูดเงิน หรือควบคุมโทรศัพท์ผ่านทางลิงก์
ทั้งนี้ ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะพบว่าในวันที่เข้าไปจับกุมมีผู้ต้องหาที่หลบหนีไปจำนวนหลัก 1,000 คน มีทั้งคนไทย อินเดีย และอินโดนีเซีย เบื้องต้นจะแจ้งข้อหา มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ, อั้งยี่ซ่องโจร, ร่วมกันนำเข้าข้อมูลสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ และร่วมกันฉ้อโกงประชาชน
ส่วนกลุ่มบอสชาวจีน จากการสอบปากคำผู้ต้องหาในเบื้องต้น ให้การว่า ตึกที่เข้าจับกุมมีชาวจีนประมาณ 20 คน ที่จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้ามาในแต่ละออฟฟิศ เพื่อมาดูงานและสั่งการผ่านล่าม แต่ไม่รู้ว่าใครเป็นบอสใหญ่สุด ส่วนจะเกี่ยวข้องกลุ่มทุนจีนสีเทาในไทยหรือไม่นั้นต้องรอดูผลการสืบสวนสอบสวนอีกครั้ง โดยในบ่ายวันพรุ่งนี้จะนำผู้ต้องหาทั้งหมดฝากขังที่ศาลอาญารัชดา
#แก็งคอลเซนเตอร์
#ปราบปรามโจรไซเบอร์