ระหว่างเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ 2-6 มีนาคม 2568 นายโยอาฟ เบน ซูร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานของอิสราเอล แถลงข่าวถึงวัตถุประสงค์การเยือนไทยครั้งนี้ว่า เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และตอบแทนที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เคยไปเยือนอิสราเอลเมื่อปีที่แล้ว จากการเข้าพบหารือกับนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้แจ้งความประสงค์ของอิสราเอล ที่ต้องการเปิดรับแรงงานไทยให้กลับเข้าไปทำงานในอิสราเอล เพราะขณะนี้กำลังขาดแคลน หลังแรงงานต่างชาติต้องอพยพกลับประเทศ จากปัจจัยกลุ่มติดอาวุธโจมตีพื้นที่ทางใต้ของอิสราเอล เมื่อปี 2566
รัฐมนตรีแรงงานอิสราเอล เผยว่า ยอดแรงงานโดยรวมที่อิสราเอลต้องการ คือ 300,000 คน แต่แรงงานไทยเป็นกลุ่มที่นายจ้างอิสราเอลต้องการร่วมงานด้วยมากที่สุด เพราะขยัน มีความเป็นมิตร และมีทักษะฝีมือ โดยตั้งเป้าจะรับแรงงานไทย 200,000 คน ทั้งในภาคการเกษตร ก่อสร้าง ธุรกิจดูแลผู้สูงวัย และภาคบริการ เช่น โรงแรม ร้านอาหาร
โดยโควตาปีนี้ ต้องการรับแรงงานไทย 20,000 คน พร้อมกับยืนยันว่า ปัจจุบันสถานการณ์ในอิสราเอลปลอดภัยมากขึ้น นับตั้งแต่อิสราเอลกับกลุ่มติดอาวุธในปาเลสไตน์ทำข้อตกลงหยุดยิงระหว่างกัน
นอกจากนี้ ยังวางมาตรการรักษาความปลอดภัยในประเทศเข้มงวดขึ้น เช่น ส่งกลับแรงงานปาเลสไตน์ที่เคยมีในประเทศทั้งหมดราว 150,000 คน สั่งห้ามชาวปาเลสไตน์เดินทางเข้าประเทศเด็ดขาด รวมทั้งสร้างที่หลบภัยสำหรับแรงงานต่างชาติ หากเกิดเหตุฉุกเฉิน จัดฝึกอบรมเพื่อการรักษาตัวรอดยามภัยมา และดูแลให้การจ้างงานคนต่างชาติอยู่เฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือและภาคกลาง ซึ่งห่างจากชายแดนปาเลสไตน์เท่านั้น
#แรงงานไทย
#อิสราเอล