น.ส.แคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกทำเนียบขาวของสหรัฐฯ ยืนยันเมื่อวันพุธ(5 มี.ค.68) ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ จะยกเว้นการเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ในอัตรา 25 %จากแคนาดาและเม็กซิโกเป็นเวลา 1 เดือน หลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์ พูดคุยกับประธานเจ้าหน้าที่บริหารของผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ 3 ราย ได้แก่ Ford,General Motors หรือ GM และสเตลแลนติส(Stellantis) ทำให้หุ้นรถยนต์พุ่งขึ้นเมื่อทราบข่าวนี้ หุ้น General Motors พุ่งขึ้น 5.3% และ Ford พุ่งขึ้น 4.1% นอกจากนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์ ยินดีที่จะรับฟังเกี่ยวกับการยกเว้นภาษีเพิ่มเติม
โฆษกทำเนียบขาวของสหรัฐฯ ยืนยันว่า ภาษีศุลกากรตอบโต้จะยังคงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 เม.ย. 68 และบริษัทต่างๆ ควรใช้เวลา 1 เดือนนี้ทำงานเพื่อมุ่งไปยังเป้าหมายของประธานาธิบดีทรัมป์ คือการย้ายการผลิตมาที่สหรัฐฯ ซึ่งจะทำให้พวกเขาไม่ต้องเผชิญกับกำแพงภาษี
แม้ว่าจะมีประเด็นดังกล่าวเกิดขึ้น แต่นายจัสติน ทรูโด นายกฯแคนาดา ก็ไม่ได้พอใจ เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับการปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้า
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานอ้างอิง คำพูดของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลว่า การปรับขึ้นภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์ ทำให้ผู้ผลิตยานยนต์ในสามประเทศมีความยากลำบาก และต้องขนส่งชิ้นส่วนข้ามพรมแดนอเมริกาเหนือหลายครั้ง
ข้อมูลจาก S&P Global Mobility ระบุว่า เมื่อปีที่แล้ว โรงงานรถยนต์ในแคนาดา ผลิตยานยนต์ได้ 1.3 ล้านคัน ขณะที่โรงงานในเม็กซิโกผลิตยานยนต์ได้ 4 ล้านคัน โดยรถยนต์ประมาณ 70% ขายให้กับผู้ซื้อชาวอเมริกันผ่านตัวแทนจำหน่ายในสหรัฐฯ
เม็กซิโก ส่งออกรถยนต์นั่งส่วนบุคคล สินค้าส่งออกหลักไปสหรัฐฯเมื่อปีที่แล้ว มีมูลค่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ รองจากน้ำมันดิบ ส่วนแคนาดา ส่งออกรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไปสหรัฐฯเมื่อปีที่แล้ว มีมูลค่า 2.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
นอกจากนี้ ข้อมูลการค้าของรัฐบาลกลางยังระบุว่า แคนาดาและเม็กซิโกยังจัดส่งชิ้นส่วนรถยนต์มาที่สหรัฐฯ คิดเป็นมูลค่ารวม 47,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯเมื่อปีที่แล้ว
#เลื่อนเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์
#สหรัฐ
#แคนาดา
#เม็กซิโก