ศูนย์วิจัยกสิกรไทย(KResearch) รายงานว่า การขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมของสหรัฐฯ 25% ทุกประเทศ คาดว่า ผลกระทบทางตรงต่อไทยในภาพรวมจำกัด เมื่อเทียบกับคู่ค้าหลักของสหรัฐฯ
เหล็ก ได้รับผลกระทบจำกัด เนื่องจาก ไทยส่งออกไปสหรัฐฯ เพียง 5% ของการส่งออกเหล็กทั้งหมด อีกทั้งสินค้าเหล็กส่วนใหญ่ของไทยที่ส่งออกไปสหรัฐฯ เช่น เหล็กแผ่นรีดต่างๆ และเหล็กเส้น/ลวดเหล็ก ถูกเก็บภาษีนำเข้า 25% อยู่แล้วตั้งแต่การบริหารประเทศของประธานาธิบดีทรัมป์ สมัยแรก จึงทำให้ผลกระทบรอบนี้ไม่มากเมื่อเทียบกับสินค้าอื่น
ผลิตภัณฑ์เหล็ก ได้รับผลกระทบมากกว่าเหล็ก เนื่องจาก สหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทย หรือมีสัดส่วน 23% ของการส่งออกผลิตภัณฑ์เหล็กทั้งหมด รวมถึงสินค้าที่ไทยส่งออกไปมาก เช่น ท่อเหล็กและเหล็กสิ่งก่อสร้าง ยังไม่เคยถูกเก็บภาษีนำเข้า 25% นอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์เหล็กปลายน้ำอื่นๆ ที่สหรัฐฯ จะขยายขอบข่ายเพิ่มขึ้น
อะลูมิเนียม ได้รับผลกระทบ เนื่องจาก สหรัฐฯ เป็นตลาดส่งออกอันดับ 2 ของไทยหรือมีสัดส่วน 15% ของการส่งออกอะลูมิเนียมทั้งหมด โดยปัจจุบันไทยถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้า 10% และจะเพิ่มเป็น 25% ทำให้ราคาส่งออกอะลูมิเนียมของไทยแพงขึ้น ทั้งนี้ สินค้าที่ไทยส่งออกไปสหรัฐฯ มาก ได้แก่ ฟอยล์อะลูมิเนียม และอะลูมิเนียมแผ่นบาง
ขณะที่ ผลกระทบทางอ้อม ไทยเสี่ยงเผชิญการแข่งขันที่สูงขึ้นทั้งตลาดในประเทศและตลาดส่งออก โดยเฉพาะเหล็กและอะลูมิเนียมจากจีนที่จะเข้ามาตีตลาดอาเซียนมากขึ้น
การทำธุรกิจของผู้ผลิตเหล็กและอะลูมิเนียมยังลำบากต่อเนื่อง ขณะที่ บางธุรกิจปลายน้ำ เช่น ก่อสร้าง ยานยนต์ และบรรจุภัณฑ์ อาจได้ผลดีจากทางเลือกในตลาดที่มีมากขึ้น
#ผลิตภัณฑ์เหล็ก
#อะลูมีเนียม
#สหรัฐ
Cr.ขอบคุณข้อมูล-ภาพ KResearch