การตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการเสียชีวิตของ ข.ช.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้ และการร้องเรียนเรื่องถูกทำร้ายร่างกายจากผู้คุม นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้เริ่มกระบวนการสอบข้อเท็จจริงตั้งแต่วันที่ 10 มี.ค. หลังตั้งกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง 2 ชุด ตรวจสอบเรื่องที่ครอบครัวร้องเรียนเมื่อวันที่ 3 มี.ค. และการตรวจสอบการเสียชีวิตมีหน่วยงานสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ตำรวจ ฝ่ายปกครอง อัยการ ร่วมตรวจสอบด้วย ซึ่งกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยรายละเอียดทั้งหมด และเปิดให้สื่อมวลชนเข้าไปดูห้องขัง เพื่อให้ความจริงปรากฎ และให้ประชาชนได้รับทราบด้วย
โดยวันก่อนเกิดเหตุช่วงเช้า ส่วนตัวยังไม่ทราบว่าผู้กำกับโจ้ทำอะไรบ้าง แต่ผู้กำกับโจ้ ขณะอยู่แดน 5 ถูกขังอยู่คนเดียว เช้ามาก็ทำกิจกรรมปกติ และบ่ายวันที่ 7 มี.ค. มีการพบญาติ เป็นระยะเวลาที่นานพอสมควร ซึ่งการเยี่ยมญาติได้นานขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ปกติ 10 กว่านาที แต่ถ้ามีเหตุก็ยืดหยุ่น ส่วนผู้กำกับโจ้เคยใช้เวลาเยี่ยมญาตินานหรือไม่ต้องไปตรวจสอบ แต่การปฏิบัติกับผู้กำกับโจ้ เหมือนกับผู้ต้องขังคนอื่น
ส่วนกรณีที่มีประเด็นว่า การพูดคุยกับญาติมีท่าทีโวยวายหรือไม่ นายสหการณ์ ระบุว่า อยู่ระหว่างตรวจสอบเพราะได้รับข้อมูลว่า มีสถานการณ์บางอย่าง เช่น แฟนของผู้กำกับโจ้ มีลักษณะร้องไห้ ทั้งนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด เพราะทางราชทัณฑ์มีไฟล์บันทึกเสียงสนทนาที่เป็นความลับไม่สามารถนำมาเปิดเผยได้ แต่ยอมรับว่าส่วนตัวได้ฟังทั้งหมดแล้ว โดยให้เป็นเรื่องของกระบวนการสอบสวนต่อไป
ส่วนการสอบผู้คุมคู่กรณีของผู้กำกับโจ้ ขณะนี้ อยู่ในกระบวนการตรวจสอบ แต่ยังไม่อยากเปิดเผย เพราะจะเป็นการกล่าวร้ายผู้กำกับโจ้ แต่ยืนยันได้ว่า ทุกอย่างมีข้อมูลหมด และยืนยันว่า ‘ไม่มีการทำร้ายร่างกาย’
ส่วนมีการใช้คำพูดอะไรที่ทำให้เกิดความกดดันหรือไม่นั้น นายสหการณ์ ระบุว่า ในแดน 7 ขังนักโทษจำคุก 50ปี ขึ้นไป และคลองเปรม เป็นนักโทษที่อัตราโทษสูง ดังนั้นกติกา ระเบียบต้องเข้มงวด ผู้ต้องขังไม่สามารถทำอะไรตามอำเภอใจได้ เพราะที่นี่ต้องสร้างคนฝึกวินัย และเราก็ทราบว่า ผู้กำกับโจ้เข้ามาจากเหตุอะไร จึงต้องมีกติกาที่เข้มงวด เพราะคนรอบๆอาจจะหวั่นเกรงหวั่นกลัว และยืนยันว่า กติกาดังกล่าว ไม่ได้เป็นการละเมิดสิทธิ เช่น ถ้าผู้ต้องขังฝ่าฝืนระเบียบต้องทำอย่างไร ‘ถ้าพวกเราได้ไปอยู่สักพักจะเห็นว่าอะไรเป็นอะไร’
ทั้งนี้ ยืนยันอีกว่า จากข้อมูลการสอบสวนได้รับรายงานเรื่องความกระด้างกระเดื่องของผู้กำกับโจ้ ด้วย
ส่วนกรณีการทำร้ายร่างกายหรือไม่นั้น สามารถตรวจสอบได้แน่นอน นายสหการณ์ อธิบายว่า ใบรับรองแพทย์ ระบุว่า หายภายใน 5 วัน ซึ่งห้วงเวลาที่เขาอยู่แดน 7 กับช่วงที่เขาไปตรวจ อยู่คนละแดนแล้ว ซึ่งผู้คุมสิทธิพร ไม่ได้อยู่แดน 5 และตอนเข้าแดน 5 มีการตรวจร่างกายก่อนเข้า ดังนั้นความจริงจะปรากฎ
ส่วนเอกสารการย้ายผู้กำกับโจ้จากแดน 7 มาแดน 5 ยืนยันมีการลงลายมือชื่อผู้กำกับโจ้ ชัดเจน มีหลักฐานทั้งหมด แต่นำมาเปิดเผยไม่ได้ ส่วนการสอบที่ผู้กำกับโจ้ ลงชื่อให้ยุติการสอบสวนตามหนังสือร้องเรียนนั้น ยืนยันว่า มีการตรวจสอบของราชทัณฑ์ทั้งหมดเช่นกัน และมีเอกสารทั้งหมด
รวมถึงคำสั่งการย้ายผู้บัญชาการเรือนจำกลางคลองเปรมนั้น เพื่อให้เห็นว่าเป็นการทำงานด้วยความโปร่งใสตรวจสอบได้ และให้สังคมเห็นว่าไม่ได้มีการปกปิด แต่เพื่อให้กระบวนการตรวจสอบเกิดความเชื่อมั่นไม่ได้ปกปิด ไม่ได้สร้างหลักฐานเท็จ
นายสหการณ์ ยังได้ขอความร่วมมือสื่อมวลชน ให้ความเป็นส่วนตัวกับครอบครัวของผู้คุมคู่กรณีผู้กำกับโจ้ด้วย อย่าละเมิดสิทธิครอบครัว โดยการไปที่บ้านพัก เพราะเขาอยู่ไม่เป็นสุข ครอบครัวต้องย้ายที่อยู่และลูกเขาป่วยเป็นซึมเศร้า อยากจะให้แยกกันระหว่างครอบครัวกับที่ทำงาน
ส่วนห้องขังที่พานักข่าวไปดูที่แดน 5 ห้อง 50 ที่ผู้กำกับโจ้อยู่ ไม่ใช่ห้องขังวีไอพี ตามที่เป็นประเด็นดราม่าที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กัน แต่เป็นห้องปกติอยู่ได้สูงสุด 5 คน ซึ่งราชทัณฑ์พยายามยืดหยุ่น ถ้าผิดวินัยก็มาแยกขัง แต่ผู้กำกับโจ้ยังไม่ได้มีการสอบสวนแค่แยกแดนออกมา จากแดน 7 พอมาอยู่แดน5 แต่เขามีความกังวลหลายเรื่องในเรือนจำ และอยากที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้ตัวเอง เรือนจำก็อนุญาตให้เขาอยู่คนเดียว
#โจ้ถุงดำ
#ราชทัณฑ์
#เรือนจำคลองเปรม