ความเคลื่อนไหวราคาน้ำมันในตลาดโลก ขยับลงราว 1% ในวันอังคาร(18มี.ค.68) หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ และประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย หารือกันเพื่อมุ่งหน้าสู่การยุติสงคราม 3 ปีในยูเครน
-สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนเม.ย.68 ลดลง 68 เซนต์ ปิดที่ 66.90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
-เบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนม.ย.68 ลดลง 51 เซนต์ ปิดที่ 70.56 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
แม้ว่า สหรัฐฯและรัสเซีย หาทางออกสำหรับข้อตกลงหยุดยิงในยูเครนได้สำเร็จ นักวิเคราะห์คาดหมายว่าคงต้องใช้เวลานานพอสมควร ก่อนที่รัสเซียจะสามารถยกระดับการส่งออกพลังงานเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
เมื่อปี 67 รัสเซีย ผลิตน้ำมันดิบได้ราว 9.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน (bpd) ลดลงจากระดับสูงสุดที่ 9.8 ล้านบาร์เรลต่อวันเมื่อปี 65 และระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 10.6 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 59 ตามข้อมูลของสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) ที่ย้อนหลังไปถึงปี 40
นอกเหนือจากความเป็นไปได้ที่อุปทานน้ำมันดิบทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นจากรัสเซียแล้ว ความกังวลด้านเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับภาษีการค้าของประธานาธิบดีทรัมป์ ยังส่งผลต่อราคาน้ำมันดิบอีกด้วย
องค์กรเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (OECD) เตือนว่าการปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ จะทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจในสหรัฐฯ แคนาดา และเม็กซิโก ลดลง และส่งผลกระทบต่อความต้องการพลังงานทั่วโลก
#น้ำมันตลาดโลก
#เจรจาสันติภาพยูเครน
แฟ้มภาพ