สภาเสี้ยววงเดือนแดงของปาเลสไตน์ เปิดเผยว่า มีผู้เสียชีวิตอีก 13 ราย หลังอิสราเอลโจมตีทางอากาศยังที่มั่นทางทหารของกลุ่มฮามาสทั่วทั้งเขตฉนวนกาซาเมื่อเช้ามืดของวันนี้(19 มี.ค.) รวมถึงส่งโดรนเข้าไปโจมตีค่ายอพยพแห่งหนึ่งใกล้ศูนย์ช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม อัลมาวาซี มีชาวบ้านเสียชีวิต 2 ราย มีผู้บาดเจ็บอีก 5 คน
การโจมตีครั้งนี้ มีขึ้นหลังนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอล ประกาศเริ่มกลับมาปราบปรามกลุ่มฮามาสอีกครั้งตั้งแต่เช้ามืดของวันอังคาร(18 มี.ค.) มีผู้เสียชีวิตกว่า 400 ราย ไม่พอใจกลุ่มฮามาสไม่ทำตามข้อเสนอเรื่องการปล่อยตัวประกันและไม่ตกลงขยายระยะเวลาหยุดยิงในเฟสที่ 1 โดยผู้นำอิสราเอลย้ำว่า ปฏิบัติการทางทหารครั้งนี้มุ่งเพื่อเข้าไปช่วยเหลือตัวประกัน พร้อมทั้งปราบปรามกลุ่มฮามาสให้หมดไปจากเขตฉนวนกาซา แต่สร้างความไม่สบายใจให้กับบรรดาครอบครัวตัวประกันอิสราเอล หวั่นเกรงว่า ตัวประกันอาจจะได้รับอันตรายจากการโจมตีของอิสราเอล
ทั้งนี้ ข้อตกลงหยุดยิง แบ่งเป็น 3 เฟส โดยในช่วงเวลา 6 สัปดาห์ที่อิสราเอล และกลุ่มฮามาสทำตามข้อตกลงหยุดยิงในเฟสแรก(19 ม.ค.-1 มี.ค.) ให้ทั้งสองฝ่ายเริ่มต้นเจรจาเฟสที่ 2 ซึ่งจะใช้ระยะเวลาหยุดยิงอีก 6 สัปดาห์ แต่ปรากฎว่า ที่ผ่านมา ทั้งสองฝ่ายล้มเหลวในการเจรจาเฟสที่ 2 เนื่องจากอิสราเอลและสหรัฐฯเสนอให้มีการขยายระยะเวลาหยุดยิงในเฟสที่ 1 ต่อไปอีก หลังเฟสที่ 1 สิ้นสุดเมื่อวันที่ 1 มี.ค. ขอให้กลุ่มฮามาสปล่อยตัวประกันเพิ่มเติม แลกกับการที่อิสราเอลปล่อยนักโทษปาเลสไตน์จากเรือนจำอิสราเอล
แต่กลุ่มฮามาสคัดค้าน โดยกลุ่มฮามาสเห็นว่า ทั้งสองฝ่ายควรเริ่มเจรจาต่อในเฟสที่ 2 ซึ่งมีสาระสำคัญๆเช่น ให้อิสราเอลถอนทหารออกจากเขตฉนวนกาซา แต่อิสราเอลไม่เห็นด้วย ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญของอิสราเอลเชื่อว่า ในปัจจุบัน กลุ่มฮามาสยังควบคุมตัวประกันอีก 59 คน ในจำนวนนี้ 24 คนอาจจะมีชีวิตอยู่ ที่เหลืออาจจะเสียชีวิตแล้ว
#สงครามอิสราเอล