ผลการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีมติตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมที่เสร็จสิ้นไป 2 วัน คือวันที่ 18-19 มี.ค.68 ตามการคาดการณ์ของตลาด
ก่อนหน้านี้ เฟดได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งติดต่อกันรวม 1.00% นับตั้งแต่เดือนก.ย.67 โดยได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% เมื่อเดือนก.ย.67 ขณะที่ ปรับลด 0.25% ทั้งในเดือนพ.ย.67 และ ธ.ค.67
นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด แถลงว่า เฟดไม่รีบร้อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจ ฝ่ายบริหารชุดใหม่กำลังดำเนินการเปลี่ยนแปลงนโยบายใน 4 ด้าน ได้แก่ การค้า การย้ายถิ่นฐาน นโยบายการคลัง และกฎระเบียบ ผลกระทบโดยรวมของการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะส่งผลต่อเศรษฐกิจและแนวทางของนโยบายการเงิน แม้ว่าจะมีการพัฒนาบางอย่าง โดยเฉพาะนโยบายการค้า แต่ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงและผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจยังคงสูง
นายพาวเวล กล่าวว่า เฟดไม่ได้ทำนายเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่ก็ยังมีโอกาสเล็กน้อยที่เศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอย ขณะที่ นักเศรษฐศาสตร์ มองว่า โอกาสที่ภาวะเศรษฐกิจจะถดถอยมีความเป็นไปได้ค่อนข้างต่ำ
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่เฟด ส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25% รวม 0.50% ในปี 69 และลดอัตราดอกเบี้ย 1 ครั้ง ครั้งละ 0.25% ในปี 70
ส่วนการคาดการณ์เกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ เฟดได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯในปีนี้ สู่ระดับ 1.7% จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 2.1% และได้ปรับเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อในปีนี้ สู่ระดับ 2.8% จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 2.5%
#เฟด
#ตรึงดอกเบี้ย
แฟ้มภาพ