นายไบรอัน ฮิวจส์ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ เปิดเผยว่า จดหมายที่นายสตีฟ วิทคอฟฟ์ ทูตพิเศษของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯส่งให้กับ ชีคห์ โมฮาเหม็ด บิน ซาเยด อัล-นาห์ยาน ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์(ยูเออี)เพื่อให้ฝากไปถึง อยาตุลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ในช่วงที่นายวิทคอฟฟ์เดินทางไปยังกรุงอาบูดาบี เมื่อสัปดาห์ก่อนและยูเออีได้ส่งจดหมายดังกล่าวให้กับรัฐบาลอิหร่านแล้ว ระบุอย่างชัดว่า สหรัฐฯจะให้เวลาอิหร่าน 2 เดือนในการเจรจาทำข้อตกลงนิวเคลียร์ฉบับใหม่
รัฐบาลทรัมป์ ระบุว่า สหรัฐฯอยากจะหาทางคลี่คลายปัญหาข้อพิพาทเรื่องโครงการนิวเคลียร์อิหร่านโดยใช้วิธีเจรจาทางการทูตก่อน ย้ำว่า การเปิดเจรจาจะทำให้สหรัฐฯสามารถส่งทีมผู้เชี่ยวชาญลงพื้นที่ไปตรวจสอบโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน พร้อมทั้งจะทำให้สามารถประเมินอย่างถูกต้องว่า อิหร่านมีศักยภาพมากพอในการผลิตอาวุธนิวเคลียร์แล้วหรือยัง แต่ถ้าการเจรจาล้มเหลว สหรัฐฯอาจจะเลือกใช้วิธีการอื่นๆต่อไป เช่น การโจมตีโรงงานนิวเคลียร์อิหร่าน ซึ่งหลายฝ่ายคาดว่าสหรัฐฯอาจจะเปิดฉากโจมตีอิหร่านด้วยตนเอง หรือให้อิสราเอล พันธมิตรของสหรัฐฯโจมตีแทน
นอกจากนี้ แถลงการณ์จากทำเนียบขาวของสหรัฐฯเมื่อวันอังคาร(18 มี.ค.68) แสดงให้เห็นว่า นายทรัมป์ได้หารือประเด็นการเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่านมาพูดคุยระหว่างประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียเช่นเดียวกัน สอดคล้องกับการให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์นิวส์ของสหรัฐฯเมื่อต้นเดือนนี้ ซึ่งนายทรัมป์ ย้ำว่า สหรัฐฯมีอยู่ 2 ทางเลือกในการจัดการกับอิหร่าน ข้อแรก คือ การใช้ปฏิบัติการทางทหาร และทางเลือกที่ 2 คือ การเจรจาทำข้อตกลง เพิ่มเติมว่า เขาอยากจะเจรจากับอิหร่านมากกว่า เนื่องจากในใจลึกๆสหรัฐฯไม่อยากจะโจมตีอิหร่าน
#สหรัฐ
#แนะอิหร่านเจรจานิวเคลียร์