การอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตามบทบัญญัติมาตรา 151 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยสมาชิกรัฐสภาอีก 165 คน จากพรรคประชาชน พรรคพลังประชารัฐ พรรคไทยสร้างไทย และพรรคเป็นธรรม นายณัฐพงษ์ชี้แจงต่อที่ประชุมว่า ญัตติดังกล่าวเกิดจากข้อห่วงกังวลต่อสถานการณ์การบริหารราชการแผ่นดิน และประเด็นด้านคุณสมบัติและความเหมาะสมของผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยฝ่ายค้านเห็นว่าการเสนอญัตติครั้งนี้อยู่ภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญ และเป็นกระบวนการตรวจสอบตามหลักของระบอบประชาธิปไตย
นายณัฐพงษ์ ระบุว่า การเสนอญัตตินี้เพราะน.ส.แพทองธาร มีพฤติกรรมไม่ใว้วางใจ ไม่มีคุณสมบัติที่เหมาะสม ขาดวุฒิภาวะขาดเจตจำนงบริหารแผ่นดิน จงใจลอยตัวเหนือปัญหา เพียงเพราะเห็นผลประโยชน์ของตัวเองและครอบครัว น.ส.แพทองธาร เอาเปรียบ เป็นนั่งร้านต่างตอบแทนบุคคลที่เป็นปรปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตย และ สมัครใจยินยอมให้คนในครอบครัวครอบงำ ประพฤติตัวเป็นหุ่นเชิด โดยมีคนในครอบครัวเป็นนายกฯตัวจริง
นายณัฐพงษ์ กล่าวอีกว่า ดีลแลกประเทศที่พวกตนกล่าวถึงนั้นไม่ใช่แค่เฉพาะพานายทักษิณ กลับบ้าน แต่การเริ่มต้นรัฐบาลแพทองธาร ด้านการเมือง เบื้องต้นดูเหมือนประเทศไทยได้หวนคืนระบอบประชาธิปไตยแบบเต็มใบเสียทีได้ออกจากยุครัฐบาลที่สืบทอดอำนาจ แต่เมื่อดูลงเข้าไปเนื้อในรายละเอียด กลับไม่เป็นอย่างนั้น รัฐบบาลเพื่อไทยทำให้ความเป็นประชาธิปไตยของประเทศทดถอยลง ดัชนีชี้วัดความเป็นประชาธิปไตยตกลงจากปี 2566 จากเดิมได้ที่ 6.35 คะแนน เหลือเพียง 6.27 คะแนน ในปี 2567 ถูกจัดให้อยู่ในประเทศที่มีประชาธิปไตยบกพร่อง มิหนำซ้ำถูกนานาประเทศในกลุ่มโลกเสีรีรุมประนาม กรณีส่งตัวชาวอุยกูร์ จึงทำให้ประชาธิปไตยของประเทศเสื่อมถอยลง ภายใต้เปลือกของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
ฝ่ายค้านยังเสนอข้อสังเกตเกี่ยวกับทิศทางการบริหารงานด้านเศรษฐกิจ โดยระบุว่า อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจยังไม่เป็นไปตามที่ตั้งเป้าไว้ ขณะที่นโยบายสำคัญหลายประการยังอยู่ในระหว่างการดำเนินการ และมีบางโครงการที่ยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างทั่วถึงในด้านสิ่งแวดล้อม สาธารณสุข การเกษตร และราคาพลังงาน ผู้นำฝ่ายค้านระบุว่า ประชาชนจำนวนมากยังเผชิญกับปัญหาค่าครองชีพ และสภาพแวดล้อมที่กระทบต่อคุณภาพชีวิต เช่น ฝุ่น PM 2.5 หรือปัญหาค่าไฟฟ้า โดยเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญและแสดงบทบาทเชิงรุกในฐานะผู้นำฝ่ายบริหาร
ฝ่ายค้านยังหยิบยกประเด็นการปฏิรูปกองทัพและการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ขึ้นอภิปราย โดยระบุว่า ประชาชนมีความคาดหวังในเรื่องเหล่านี้ แต่ยังไม่มีความคืบหน้าอย่างชัดเจน พร้อมตั้งข้อสังเกตต่อท่าทีของพรรคร่วมรัฐบาลที่อาจส่งผลต่อการผลักดันนโยบายในสภา
ด้านความยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน ฝ่ายค้านเรียกร้องให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับการเร่งรัดการดำเนินคดีในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ และแสดงบทบาทเชิงรุกในการสนับสนุนกระบวนการยุติธรรมอย่างเท่าเทียม พร้อมทั้งตั้งข้อสังเกตถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้รับสิทธิพิเศษในการรักษาตัวและการลดโทษ ซึ่งเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในสังคม
ผู้นำฝ่ายค้านสรุปว่า การขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้เป็นการปฏิบัติหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ ภายใต้เจตนารมณ์ของประชาชนที่ต้องการให้มีการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ และเป็นโอกาสที่นายกรัฐมนตรีจะได้ชี้แจงต่อสภาอย่างชัดเจน การเคลื่อนไหวเพื่อหวังผลทางการเมือง หากแต่ต้องการสะท้อนเสียงจากประชาชนส่วนใหญ่ที่ยังเผชิญกับปัญหาปากท้อง ความไม่เท่าเทียม และความไม่มั่นใจในอนาคตของประเทศ การอภิปรายครั้งนี้เป็นไปเพื่อส่งเสริมการตรวจสอบอย่างสร้างสรรค์ และหวังให้รัฐบาลรับฟังข้อเสนอแนะในการปรับปรุงการบริหารประเทศต่อไป
#ไม่ไว้วางใจ
#แพทองธาร
#นายกไทย