บีบีซีรายงานว่า สถานทูตสหรัฐฯประจำกรุงนิวเดลี อินเดียระบุในแถลงการณ์ว่า อินเดียและสหรัฐฯเปิดเจรจาการค้าทวิภาคีในกรุงนิวเดลีในวันนี้(26 มี.ค.)ไปจนถึงวันเสาร์นี้(29 มี.ค.) โดยนายเบรนแดน ลินช์ ผู้ช่วยผู้แทนการค้าสหรัฐฯประจำเอเชียใต้และเอเชียกลาง เป็นหัวหน้าคณะผู้เจรจาของสหรัฐฯ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯในการผลักดันให้ความสัมพันธ์ด้านการค้ากับอินเดียเดินหน้าอย่างสร้างสรรค์ และช่วยแก้ปัญหาขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ โดยการเจรจาครั้งนี้ มีขึ้นก่อนมาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯจะเริ่มมีผลในวันที่ 2 เม.ย.นี้ ภายใต้มาตรการนี้ สหรัฐฯจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากต่างแดนในอัตราที่เท่าๆกับอัตราภาษีที่ประเทศคู่ค้าอื่นๆทั่วโลก รวมทั้งอินเดียเรียกเก็บจากสหรัฐฯ
นายจิติน ปราศาดะ รัฐมนตรีช่วยพาณิชย์และอุตสาหกรรมของอินเดีย เปิดเผยว่า ทั้งสองฝ่ายจะเจรจาข้อตกลงการค้าที่ครอบคลุมในหลายภาคธุรกิจ จะเน้นเรื่องการเปิดตลาด การลดอัตราภาษีนำเข้าและลดมาตรการกีดกันทางการค้าอื่นๆที่ไม่เกี่ยวกับภาษี ที่ผ่านมา คณะผู้เจรจาจากทั้งสองฝ่ายได้เริ่มต้นการเจรจาเป็นระยะๆเรื่อยมานับตั้งแต่ประธานาธิบดีทรัมป์กลับเข้ามาบริหารประเทศสหรัฐฯสมัยที่ 2 นอกจากนี้ นายปิยุช โกยัล รัฐมนตรีพาณิชย์และอุตสาหกรรมของอินเดียเดินทางไปยังสหรัฐฯในเดือนมี.ค.เพื่อสานต่อการเจรจาการค้ากับคณะผู้เจรจาสหรัฐฯ ต่อเนื่องจากการเยือนทำเนียบขาว กรุงวอชิงตันดี.ซี.โดยนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดีของอินเดียในเดือนก.พ.เพื่อกระชับความสัมพันธ์กับรัฐบาลทรัมป์
ในปัจจุบัน สหรัฐฯเป็นหุ้นส่วนทางการค้ารายใหญ่ที่สุดของอินเดีย มีการค้าทวิภาคีรวมมูลค่า 190,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี โดยอินเดียได้เปรียบดุลการค้ากับสหรัฐฯราว 45,000 ล้านดอลลาร์ ขณะเดียวกัน ทั้งนายทรัมป์และนายโมดีตั้งเป้าจะเพิ่มมูลค่าการค้าทวิภาคีให้สูงกว่าสองเท่าที่ 500,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี พร้อมให้คำมั่นจะเปิดเจรจาการค้าในเฟสแรกให้เสร็จภายในฤดูใบไม้ร่วง(ก.ย.-ธ.ค.)ปีนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์เชื่อว่า อินเดียเตรียมปรับลดภาษีนำเข้ากว่าครึ่งหนึ่งของสินค้านำเข้ารวมมูลค่า 23,000 ล้านดอลลาร์จากสหรัฐฯให้เสร็จในการเจรจาในเฟสแรก หวังเลี่ยงมาตรการภาษีตอบโต้จากรัฐบาลทรัมป์
#สหรัฐ
#อินเดีย
#เจรจาการค้าทวิภาคี
#แผนภาษีตอบโต้