หลังจาก ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ NBC News เมื่อวันอาทิตย์(30 มี.ค.) ขู่จะทิ้งระเบิดโจมตีอิหร่าน ซึ่งอาจจะสร้างความเสียหายอย่างหนัก ถ้าอิหร่านไม่ยอมกลับสู่โต๊ะเจรจาทำข้อตกลงนิวเคลียร์ฉบับใหม่กับสหรัฐฯ อีกทั้งขู่จะใช้วิธีปรับเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากอิหร่านเป็นครั้งที่ 2 ต่อเนื่องครั้งแรกที่รัฐบาลทรัมป์ประกาศใช้ในช่วงที่บริหารประเทศสมัยแรก ซึ่งอาจจะมีผลกระทบผู้ซื้อน้ำมันดิบจากอิหร่าน เช่น อินเดียและจีน ด้วย
ด้านประธานาธิบดีมาซูด เปเซชเคียน และอยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ย้ำในประเด็นนี้อีกครั้งเมื่อวานนี้(30 มี.ค.)ว่า อิหร่านปฏิเสธเปิดเจรจาโดยตรงกับสหรัฐฯ แต่ใช้วิธีเจรจา ผ่านผู้ไกล่เกลี่ย ซึ่งดำเนินการอยู่ในขณะนี้ ทั้งนี้ ช่วงที่นายทรัมป์บริหารประเทศสมัยแรกระหว่างปี 2560-2564 รัฐบาลทรัมป์ได้ถอนชื่อสหรัฐฯออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์ระหว่างประเทศที่อิหร่านกับ 6 ชาติมหาอำนาจ รวมทั้งสหรัฐฯ ลงนามไว้ในปี 2558 พร้อมทั้งกลับมาคว่ำบาตรอิหร่านอีกครั้ง ทำให้อิหร่านกลับมาเดินหน้าโครงการเสริมสมรรรถนะแร่ยูเรเนียมต่อไป
ที่ผ่านมา มหาอำนาจชาวตะวันตกกล่าวหาอิหร่าน สั่งสมแร่ยูเรเนียมที่ผ่านขั้นตอนเสริมสมรรถนะแล้วในปริมาณที่สูงเกินความจำเป็นต้องใช้สำหรับโครงการของพลเรือน เช่น การผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ เชื่อว่า อิหร่านมีแผนการผลิตอาวุธนิวเคลียร์อย่างลับๆ แต่อิหร่านปฏิเสธ ยืนกรานว่าโครงการนิวเคลียร์อิหร่านมุ่งใช้ในทางสันติทั้งหมด
#สหรัฐ
#ขู่โจมตีอิหร่าน
#ข้อตกลงนิวเคลียร์