กรณีประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีร้อยละ 20 สำหรับสินค้านำเข้าจากกลุ่มสหภาพยุโรป (อียู) พร้อมประกาศมาตรการตอบโต้ทางภาษีกับประเทศอื่นๆทั่วโลก ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส กล่าวต่อที่ประชุมผู้บริหารของบริษัทเอกชนฝรั่งเศส ที่ทำเนียบประธานาธิบดี ในกรุงปารีส แนะนำให้บริษัทเอกชนฝรั่งเศสชะลอโครงการลงทุนในสหรัฐฯ โดยเฉพาะแผนลงทุนใหม่ๆ จนกว่าจะมีความชัดเจนเกี่ยวกับผลกระทบจากมาตรการทางภาษีของรัฐบาลทรัมป์ต่อธุรกิจและเศรษฐกิจของฝรั่งเศส
สำหรับมาตรการตอบโต้ของฝรั่งเศสจะมี 2 ระยะ ระยะแรก เริ่มต้นช่วงกลางเดือนเม.ย.นี้ มุ่งตอบโต้การที่สหรัฐฯปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจำพวกเหล็กกล้าและอะลูมิเนียมจากกลุ่มอียูในอัตราร้อยละ 25 ส่วนระยะที่ 2 จะมีขึ้นปลายเดือนเม.ย.นี้ ซึ่งฝรั่งเศสจะตอบโต้สหรัฐฯในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม หลังหารือกับผู้บริหารของบริษัทฝรั่งเศสที่ได้รับผลกระทบและหุ้นส่วนอื่นๆในกลุ่มอียู
นายมาครงคาดว่า ชาวอเมริกันจะอ่อนแอและมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ลำบากกว่าเดิม จากมาตรการภาษีซึ่งนายมาครงเรียกว่า เป็นมาตรการที่โหดร้ายและไร้เหตุผล อีกทั้งจะสร้างผลกระทบร้ายแรงต่อเศรษฐกิจของกลุ่มอียู พร้อมขอให้กลุ่มอียูยืนหยัดการใช้มาตรการตอบโต้สหรัฐฯ เพื่อแสดงให้เห็นว่า กลุ่มอียูคัดค้านการประกาศขึ้นภาษีนำเข้าจากกลุ่มอียูโดยไม่มีการเจรจาทางการค้าก่อน
ข้อมูลจากสำนักงานวิเคราะห์เศรษฐกิจสหรัฐฯ (BEA) ระบุว่า โครงการลงทุนโดยตรงของฝรั่งเศสในสหรัฐฯมีมูลค่ารวม 370,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2566 เพื่อเปรียบเทียบกัน ธนาคารกลางและกระทรวงการคลังของฝรั่งเศส ระบุว่า การลงทุนโดยตรงของสหรัฐฯในฝรั่งเศสในปี 2566 มีมูลค่ารวม 142,000 ล้านดอลลาร์ ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับโรงงานผลิตสินค้าอุตสาหกรรม
...
#ฝรั่งเศส
#เศรษฐกิจ
#สงครามภาษี