กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ มีการประชุมคดี บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด ตามความผิด พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 (นอมินี) กรณีอาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม เป็นคดีพิเศษที่ 32/2568 จากนั้น พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ เปิดเผยว่า นอกจากความผิดคดีนอมินีที่ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ ยังมีความผิดอื่นพิจารณาควบคู่ไปด้วย คือ ความผิดว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ (ฮั้วประมูล) ซึ่งจะต้องพิสูจน์ว่าคนไทยที่ไปถือหุ้นเป็นการถือหุ้นโดยอำพรางหรือไม่ โดยในการที่พนักงานสอบสวนคดีพิเศษไปตรวจสอบบ้านพักของ นายประจวบฯ ผู้ถือหุ้นร้อยละ 10.20 หรือ 102,000 หุ้น ในบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด) ที่ อ.โพนทราย จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งไม่พบตัวแต่ได้รับข้อมูลว่า นายประจวบฯ ทำงานรับจ้างเกี่ยวกับการก่อสร้าง ได้เงินเดือนประมาณหมื่นกว่าบาทเท่านั้น และออกจากบ้านไป 2-3 วันก่อนหน้านี้ โดยไม่ได้แจ้งกับที่บ้านว่าไปที่ไหน
ยังมีกรรมการผู้ถือหุ้นชาวไทยอีก 2 รายที่เหลือ คือ นายโสภณ ฯ ถือหุ้นร้อยละ 40.7997 และ นายมานัส ฯ ถือหุ้นร้อยละ 0.0003 เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างติดตามตัว
ส่วนสัญญาที่บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด เข้าร่วมค้าและได้รับงานจากภาครัฐ ตั้งแต่ปี 2562 - 2567 จำนวน 29 สัญญา มูลค่ารวม 22,000 ล้านบาทในโครงการตามสัญญา
พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวด้วยว่า สำหรับกรณี บริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด (Xin Ke Yuan Co., Ltd.) ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายเหล็กให้กับบริษัทที่เกิดเหตุ ทางกระทรวงอุตสาหกรรมได้ไปตรวจสอบแล้วพบว่ามีสินค้าบางรายการที่ไม่ได้คุณภาพตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) ส่วนเรื่องฝุ่นแดงของเหล็ก ทราบว่าเป็นความผิดเกี่ยวกับการออกใบกำกับภาษีปลอม และเป็นเรื่องของมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีเอสไออาจต้องไปดำเนินการในขั้นตอนต่อไป
...
#อาคารสตง
#นอมินี
#กรมสอบสวนคดีพิเศษ