บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศลดอันดับเครดิตสากลระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศ (International Long-Term Foreign-Currency Issuer Default Rating – IDR) ของจีนลง 1 ขั้น จากระดับ A+ สู่ระดับ A พร้อมเตือนความเสี่ยงหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมทั้งผลกระทบจากภาษีศุลกากรที่สูงขึ้น คาดว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนจะชะลอตัวลงจากระดับร้อยละ 5 ในปีที่แล้วสู่ระดับร้อยละ 4.4 ในปีนี้ เนื่องจากการชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ ความเชื่อมั่นของครัวเรือนที่อ่อนแอ และความเสี่ยงจากภายนอกที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจีนอาจจะเพิ่มการใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจและรับมือกับแรงกดดันเงินฝืด ท่ามกลางอัตราภาษีศุลกากรที่สูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความต้องการส่งออกของประเทศ
กระทรวงการคลังจีนออกแถลงการณ์แสดงความผิดหวังและไม่ยอมรับการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือโดยฟิทช์ เรทติ้งส์ ซึ่งสะท้อนถึงความมีอคติ เมื่อพิจารณาจากการที่เศรษฐกิจจีนขยายตัวดีเป็นอันดับต้น ๆ ในบรรดาประเทศเศรษฐกิจหลัก ทั้งยังมีศักยภาพเติบโตต่อ
ในแถลงการณ์ ระบุว่า ฟิทช์ปรับลดอันดับเครดิตจีนทั้งที่รับทราบข้อมูลว่า จีนมีแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งขึ้น และมีความสำคัญในการค้าโลก การปรับลดอันดับเครดิตในครั้งนี้ไม่ได้สะท้อนสถานการณ์ในจีนอย่างครบถ้วนและตามความเป็นจริง
การเติบโตของ GDP จีนที่ร้อยละ 5 ในปี 2567 เป็นอัตราที่ดีที่สุดในกลุ่มเศรษฐกิจหลักของโลก และปัจจุบันจีนกำลังสร้างข้อได้เปรียบเพิ่มเติมจากความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี บุคลากร และทุน นอกจากนี้ ภาคเศรษฐกิจเกิดใหม่ของจีน การขยายตัวของเมือง และการปฏิรูปโดยอิงตามตลาด สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพการเติบโตต่อไปในอนาคต อีกทั้งตั้งแต่ต้นปีมานี้ นโยบายมหภาคต่าง ๆ ยังคงสร้างแรงผลักดันให้เศรษฐกิจมีแนวโน้มเติบโตดี และคุณภาพการพัฒนาก็ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และธนาคารโลกได้ปรับเพิ่มประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนในปี 2568 ขณะเดียวกัน สหประชาชาติ (UN) และองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ยังคาดการณ์ว่าการเติบโตของ GDP จีนในปีนี้จะสูงกว่าร้อยละ 4.5 ซึ่งใกล้เคียงกับเป้าหมายการเติบโตประมาณร้อยละ 5 ที่รัฐบาลจีนกำหนดไว้
...
#เศรษฐกิจจีน