นายสิทธิพันธ์ ธนาเกียรติภิญโญ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ เปิดเผยว่า กรณีที่ปรึกษารัฐมนตรี สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และคณะเจรจาของรัฐบาลไทย มีแนวคิดนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และเนื้อหมูจากสหรัฐ เพื่อลดดุลการค้า หลังสหรัฐประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากไทย 36%
ทั้งนี้ สมาคมฯเห็นด้วยกับการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ถั่วเหลือง กากถั่วเหลือง ข้าวสาลี และวัตถุดิบอาหารสัตว์อื่นๆ ซึ่งประเทศไทยขาดแคลน และจำเป็นต้องใช้เพิ่มมากขึ้นเมื่ออุตสาหกรรมการเลี้ยงสัตว์เติบโตขึ้น
แต่ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง กับข้อเสนอในการนำเข้าเนื้อหมูจากสหรัฐที่เป็นผู้ผลิตรายใหญ่ ซึ่งเป็นการทำลายอุตสาหกรรมหมูของไทย เพราะทำให้เกษตรกรไทยไม่สามารถแข่งขันได้และจำต้องเลิกอาชีพในที่สุด เมื่อนั้นจะไม่มีความต้องการใช้ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์อีกต่อไป เกษตรกรพืชไร่จะหมดอาชีพ และในที่สุด ก็จะไม่มีการนำเข้าข้าวโพดจากสหรัฐ อีก
สำหรับ ระบบการผลิตหมูในประเทศมีห่วงโซ่การผลิตที่ยาวมาก ตั้งแต่ต้นน้ำ-ปลายน้ำ เช่น เกษตรกรผู้ปลูกพืชไร่ พ่อค้าพืชไร่ ผู้ผลิตอาหารสัตว์ เกษตรกรผู้เลี้ยง โรงชำแหละ เขียง ผู้ค้าในตลาดสด รวมถึง ผู้ประกอบการแปรรูปหมู การนำเข้าหมูจะกระทบทุกขั้นตอนในห่วงโซ่การผลิต ทำลายระบบการผลิตเนื้อหมูทั้งหมด ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของความมั่นคงทางอาหารของประเทศ
เช่นประเทศฟิลิปปินส์ที่ปล่อยให้มีการนำเข้าเนื้อหมู ทำให้เกษตรกรในประเทศไม่มีแรงจูงใจในการเลี้ยง ทยอยเลิกอาชีพและ ในที่สุดนำไปสู่การขาดแคลนเนื้อหมู ต้องอาศัยพึ่งพาการนำเข้า เกิดปัญหาหมูแพงขึ้น 15-30% กระทบชาวฟิลิปปินส์ต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
ก่อนหน้านี้ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์’ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ‘นางสาวแพทองธาร ชินวัตร’ นายกรัฐมนตรี ออกแถลงการณ์นายกรัฐมนตรี กรณีประธานาธิบดี ’โดนัลด์ทรัมป์‘ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าจากทุกประเทศขั้นต่ำร้อยละ 10 กับประเทศที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ โดยประเทศไทยถูกกำหนดอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทนที่ 36%
การประกาศปรับขึ้นภาษีนำเข้าของรัฐบาลสหรัฐฯ ย่อมส่งผลกระทบต่อประเทศคู่ค้าทุกรายอย่างหลีกเลี่ยงได้ยาก โดยเฉพาะต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคสหรัฐฯ ที่อาจไม่สามารถรับกับราคาสินค้าที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและในระดับสูงได้ ดังนั้น ในระยะยาวผู้ประกอบการส่งออกไทยควรมองหาตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ เพื่อลดความเสี่ยงจากการพึ่งพาตลาดเดียว ซึ่งรัฐบาลไทยได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในเรื่องนี้ และได้วางมาตรการรองรับในการเยียวยาและบรรเทาผลกระทบ ที่อาจมีต่อผู้ประกอบการส่งออกของไทยที่มีตลาดสหรัฐฯ เป็นตลาดหลัก
รัฐบาลขอเรียนว่าไทยได้ส่งสัญญาณความพร้อม ที่จะหารือกับรัฐบาลสหรัฐฯ ในโอกาสแรก เพื่อปรับดุลการค้าให้เกิดความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย โดยส่งผลกระทบต่อภาคส่วนที่เกี่ยวข้องให้น้อยที่สุด
#เลี้ยงหมูไทย
#สหรัฐขึ้นภาษีตอบโต้การค้า