ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้โพสต์บนTruth Social ว่า “อดทนเข้าไว้ มันไม่ง่ายแต่ผลลัพท์ในตอนสุดท้ายจะเป็นประวัติศาสตร์” หลังการปรับขึ้นภาษีนำเข้าทั่วโลกมีผลบังคับใช้ การเปลี่ยนแปลงครั้งมโหฬารของทรัมป์ทำให้ส่งคลื่นช็อกผ่านซัพพลายเชนส์โลก ด้านมหาเศรษฐีสหรัฐฯ อีลอน มัสก์ เพื่อนสนิทของทรัมป์และรับผิดชอบสำนักงารเสริมประสิทธิภาพรัฐ DOGE กล่าวว่า สหรัฐฯและยุโรปสามารถมุ่งหน้าสู่สถานการณ์เศรษฐกิจเป็นศูนย์ที่จะสร้างโซนการตลาดเสรีระหว่างกันทั้งยุโรปเหนือและอเมริกาเหนือ
การแสดงความเห็นเกิดขึ้นระหว่างที่มัสก์เดินทางไปพบกับบรรดารัฐมนตรีรัฐบาลในอิตาลีเกิดขึ้นหลังในวันพุธ(2)ผู้นำสหรัฐฯประกาศอัตราการจัดเก็บภาษีขาเข้าสหรัฐฯใหม่ที่จะเห็นสินค้านำเข้าจากต่างประเทศอาจถูกเรียกเก็บภาษีสูงสุด 50% ในวันที่ 9 เม.ยต่อในสิ่งที่เรียกว่า เป็นเสมือนผู้ร้ายต่อสายตาสหรัฐฯสำหรับความไม่สมดุลทางการค้ากับสหรัฐฯ บีบีซีรายงานว่า สหภาพยุโรปหรือ EU มีกำหนดที่จะโดนภาษี 20% และนับตั้งแต่หลังการประกาศอัตราภาษีขาเข้าใหม่พบว่า นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เซอร์ เคียร์ สตาร์เมอร์ มีการหารือทางโทรศัพท์มากมายจากบรรดาผู้นำทั่วโลกในแถลงการณ์ที่เป็นการอ่านหลังการหารือระหว่างกันระหว่างอังกฤษและประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง เห็นชอบร่วมกันว่า สงครามการค้าไม่ได้เป็นผลประโยชน์ต่อใครแต่อย่างไรก็ตามชี้ว่า ไม่ควรนำสิ่งใดออกไปจากโต๊ะ”
จีน ถือเป็นชาติที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกได้รับผลกระทบหนักสุดจากการขึ้นอัตราภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ ประกาศตอบโต้สหรัฐ ด้วยขึ้นอัตราภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯอยู่ที่ 34% ในระดับอัตราเดียวกันที่ผู้นำสหรัฐฯได้ประกาศไว้ในวันพุธ(2) และนอกจากนี้ยังยื่นเรื่องการขึ้นภาษีใหม่ ของสหรัฐ เป็นเรื่องที่ไม่เป็นธรรมไปยังองค์การค้าโลก WTO
สื่ออังกฤษรายงานว่า ที่กรุงวอชิงตัน ดีซีและทั่วสหรัฐฯ เกิดการชุมนุมครั้งใหญ่ คาดว่าจะมีการประท้วงร่วม 1,200 แห่งเปิดฉากวันเสาร์(5) เป็นการประท้วงใหญ่ภายใน 24 ช.มต่อประธานาธิบดี ทรัมป์
เดอะการ์เดียนของอังกฤษรายงานวันเสาร์(4)ว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯผิวสีคนแรกของสหรัฐฯ บารัค โอบามา ออกมาเรียกร้องให้ประชาชนอเมริกันต่อต้านนโยบายทรัมป์ เป็นการออกมาครั้งแรกของผู้นำสหรัฐฯจากพรรคเดโมแครตหลังจากทรัมป์และพรรครีพับลิกันสามารถชนะถล่มทะลายได้สำเร็จเมื่อเลือกตั้งปลายปีที่แล้ว โอบามาผู้นำการเปลี่ยนแปลงที่เรียกว่า Change จนโด่งดังไปทั่วโลกปรากฎตัวบนเวทีวิทยาลัยแฮมิลตัน (Hamilton College)ในเมืองคลินตัน (Clinton) รัฐนิวยอร์ก วันพฤหัสบดี(3) โอบามาบนเวทีกล่าวหารัฐบาลทรัมป์พยายามทำลายการจัดระเบียบระหว่างประเทศหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
ส่วนตลาดหุ้นนิวยอร์คปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ 4 เมษายน ซึ่งตรงกับ ช่วงเช้าวันที่ 5 เมษายน 2568 ในประเทศไทย ร่วงหนัก ปิดที่ 38,314.86 จุด ลดลง 2,231.07 จุด ท่ามกลางความวิตกต่อสงครามการค้าโลกที่ปะทุขึ้นจากมาตรการภาษีใหม่ของประธานาธิบดีทรัมป์ ส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์เข้าสู่ภาวะปรับฐาน และดัชนี
ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 38,314.86 จุด ลดลง 2,231.07 จุด หรือ -5.50% S&P500 ปิดที่ 5,074.08 จุด ลดลง 322.44 จุด หรือ -5.97% Nasdaq ปิดที่ 15,587.79 จุด ลดลง 962.82 จุด หรือ -5.82% ดัชนี Nasdaq เข้าสู่ภาวะตลาดหมี หลังร่วงมากกว่า 20% จากจุด
มาตรการภาษีใหม่ของทรัมป์จุดชนวนสงครามการค้า ประเทศคู่ค้าสำคัญของสหรัฐฯ เช่น จีน อังกฤษ ออสเตรเลีย และอิตาลี เริ่มพิจารณามาตรการตอบโต้ กระทรวงการคลังจีนเตรียมขึ้นภาษีสินค้าสหรัฐฯ 34% มีผล 10 เม.ย.
สกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯระบุว่ามีประเทศต่างๆมากกว่า 50 ชาติที่เริ่มเจรจากับสหรัฐฯ นับตั้งแต่คำแถลงเมื่อวันพุธ(2เม.ย.) ที่วาง ทรัมป์ อยู่ในสถานะอำนาจที่เหนือกว่า อย่างไรก็ตามทั้ง เบสเซนต์ และพวกเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ไม่ได้เปิดเผยชื่อชาติต่างๆเหล่านั้นหรือรายละเอียดข้อเสนอเกี่ยวกับการเจรจา และการเจรจาพร้อมๆกันหลายประเทศ อาจกลายเป็นความท้าทายทางตรรกะสำหรับรัฐบาลทรัมป์ และอาจทำให้สถานการณ์ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจยืดเยื้อต่อไป
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เผชิญแรงเทขายอย่างหนักจากความกังวลสงครามการค้าทั่วโลก โดยเฉพาะมาตรการภาษีของสหรัฐฯ และการตอบโต้จากหลายประเทศ ซึ่งสร้างความผันผวนสูงให้ตลาดและส่งผลกระทบต่อหลากหลายอุตสาหกรรม นักลงทุนควรติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดในระยะถัดไป
#วิกฤตเศรษฐกิจโลก