สำนักงานประสานงานด้านกิจการมนุษยธรรมของสหประชาชาติ หรือ โอซีเอชเอ แถลง ประชาชนประมาณ 17 ล้านคนในเมียนมา ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว ขนาด7.7 ตามด้วยอาฟเตอร์ช็อคอีกหลายระลอก ในพื้นที่ภาคกลางของเมียนมา ตั้งแต่วันที่ 28 มี.ค.และกำลังต้องการความช่วยเหลือโดยเร่งด่วน หน่วยงานของยูเอ็นยังขาดงบประมาณอีกมากเมื่อเทียบกับภารกิจที่จำเป็นต้องเข้าถึงผู้ประสบภัยให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ การแถลงของหน่วยงานด้านกิจการมนุษยธรรมของยูเอ็นมีขึ้นขณะทางการเมียนมา แถลงยอดผู้เสียชีวิตสะสมจากแผ่นดินไหว เพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 3,455คน ยังสูญหายอีก 214 คน
โดยที่เมืองอังวะ ซึ่งหมายถึง “เมืองแห่งอัญมณี” ในมัณฑะเลย์ ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรพม่า ในอดีต ตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 ถึงศตวรรษที่ 19 และเป็นที่ตั้งของอาคารและเจดีย์โบราณจำนวน 961 แห่ง สื่อท้องถิ่น รายงานว่า เมืองแห่งนี้ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญด้วย กำลังเตรียมการเสนอชื่อเข้าเป็นมรดกโลกขององค์การยูเนสโก
อย่างไรก็ตาม แผ่นดินไหวรุนแรงได้เปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่าง เนื่องจากพื้นดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของเมืองอินวา รวมทั้งวัด เจดีย์ และโครงสร้างเก่าแก่หลายศตวรรษ ก็พังทลายลงมา
สื่อทางการเมียนมา รายงานว่า จนถึงวันที่ 2 เมษายน แผ่นดินไหวครั้งนี้ได้สร้างความเสียหายให้กับบ้านเรือนจำนวน 21,783 หลัง, อาคารสำนักงาน 805 แห่ง, บ้านพักพนักงาน 115 แห่ง, อาคารเรียน 1,041 แห่ง, วัดและสำนักชี 921 แห่ง, เจดีย์ 1,690 องค์, อาคารศาสนสถานอื่น ๆ 312 แห่ง และโรงพยาบาลและคลินิก 48 แห่งทั่วประเทศ
ส่วนสิ่งของบรรเทาทุกข์เพื่อช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเหยื่อแผ่นดินไหวชุดที่ 3 ของจีน เดินทางถึงสนามบินนานาชาติย่างกุ้ง ประเทศเมียนมาแล้วเมื่อเสาร์ โดยสิ่งของมาถึงในช่วงเที่ยงวันประกอบด้วยสิ่งของบรรเทาทุกข์ที่จำเป็น เช่น มุ้งกันยุง 10,000 ชุด, เต็นท์ 400 หลัง, เครื่องกรองน้ำ 1,048 ชิ้น และชุดปฐมพยาบาลฉุกเฉิน 15,000 ชุด ก่อนหน้านี้ จีนได้ส่งมอบความช่วยเหลือชุดแรกและชุดที่สองไปแล้ว ซึ่งมาถึงเมียนมาร์เมื่อวันที่ 31 มีนาคม และ 3 เมษายน