การกู้ซากอาคารสตง.พังถล่ม หลังแผ่นดินไหว เมื่อค่ำวานนี้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางไปบริเวณอาคารก่อสร้างสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม เพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทั้งจากภาครัฐและอาสาสมัครที่ยังคงทำงานอย่างเต็มกำลังถึงวันนี้ พร้อมได้สอบถามถึงกระบวนการทำงาน อุปสรรค และความต้องการที่อยากให้ภาครัฐช่วยสนับสนุนและอำนวยความสะดวกเพิ่มเติมด้วยนายกฯยืนยันว่า รัฐบาลจะเร่งดำเนินการทุกมิติ ทั้งการเยียวยาความเสียหาย การกู้ภัย การตรวจสอบข้อเท็จจริงและทำงานทุกมิติอย่างเต็มที่ จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
บริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด โดยนายเฉิน เจี้ยนฉี และนายสมพัน ปันแก้ว กรรมการบริษัท นัดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในวันที่ 9 เม.ย. เวลา 14.00 น. ที่ห้องลีลาวดี โรงแรมรามาการ์เด้นส์ ถนนวิภาวดี รังสิต บางเขน กรุงเทพฯ กรณีบริษัทถูกตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับกรณีผลิตภัณฑ์เหล็กเส้นที่ผลิตขึ้นโดยไม่ครบถ้วนตามมาตรฐานของสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม มีข่าวในเชิงลบและเกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เหล็กเส้นของ บริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด ที่ผลิตขึ้นปราศจากมาตรฐาน อีกทั้งมีการตรวจสอบพบในการก่อสร้างอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ใกล้สวนจตุจักร ต่อมาเกิดเหตุภัยพิบัติแผ่นดินไหวทำให้อาคารสูง 30 ชั้น ถล่มลงมา ซึ่งทางบริษัท มีความประสงค์จะขอสื่อสารไปยังประชาชน ทั้งประเทศด้วยถึงเจตจำนงที่จะประกอบกิจการโดยสุจริตยึดหลักธรรมาภิบาลอย่างมั่นคง
รศ. ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า จากนี้ไปจะปรับวิธีการรายงานจำนวนผู้เสียชีวิตที่แสดงอยู่บนบอร์ดหน้าอาคารถล่ม โดยตัวเลขผู้เสียชีวิตจะเป็นข้อมูลที่ได้รับการยืนยันจากทางนิติเวชแล้วเท่านั้น เพื่อลดความสับสน และจะอัปเดตตัวเลขผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการทุกวัน วันละ 2 เวลา คือ 10.00 น. และ 16.00 น. เนื่องจากพอยิ่งนานวันไปร่างกายอาจมีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างเยอะ ทำให้กระบวนการตรวจนานขึ้น เราพยายามเร่งมือเต็มที่และพยายามอย่างยิ่งที่จะรวบรวมหลักฐานอื่น ๆ ด้วย เช่น สิ่งของ หลักฐานแวดล้อมบริเวณโดยรอบ
ศูนย์พิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล โรงพยาบาล ยืนยัน ผุ้เสียชีวิต ขณะนี้ 16 ราย ญาตินำศพไปทำพิธีแล้ว 12 ราย
ข้อมูลล่าสุดวันที่ 5 เม.ย. ยอดเงินชดเชยที่สำนักงานประกันสังคมเตรียมจ่ายให้แก่ทายาทผู้เสียชีวิตกรณีตึก สตง. 15 ราย เป็นเงิน 14,094,396 บาท และทายาทผู้เสียชีวิตในพื้นที่อื่นอีก 7 ราย รวมเป็นเงิน 18,782,234 บาท