หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯประกาศให้ปรับเพิ่มภาษีนำเข้าจำพวกเหล็กกล้า และอะลูมิเนียมจากกลุ่มสหภาพยุโรป(EU)ร้อยละ 25 และประกาศเก็บภาษีร้อยละ 20 สำหรับสินค้านำเข้าทุกประเภทจากกลุ่ม EU เริ่มมีผลตั้งแต่วันพุธนี้(9 เม.ย.)สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นางเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ในฐานะผู้ประสานงานในเรื่องนโยบายของกลุ่ม EU เปิดเผยว่า EC นัดประชุใสมาชิก EU รวม 27 ประเทศในลักเซมเบิร์กในวันนี้(7 เม.ย.) เพื่อหารือจุดยืนร่วมกัน ก่อนประกาศตอบโต้มาตรการทางภาษีของรัฐบาลทรัมป์ เบื้องต้น กลุ่ม EU คาดว่า จะตอบโต้ด้วยการปรับขึ้นภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯรวมมูลค่า 28,000 ล้านดอลลาร์ ครอบคลุมสินค้าต่างๆ เช่น ไหมขัดฟัน เนื้อสัตว์ ธัญพืช ไวน์ เสื้อผ้า หมากฝรั่ง เครื่องดูดฝุ่น กระดาษชำระไปจนถึงอัญมณี
นักวิเคราะห์ระบุว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะทำให้กลุ่ม EU ประกาศมาตรการตอบโต้สหรัฐฯ เช่นเดียวกับประเทศจีนและแคนาดา นับเป็นสัญญาณเบื้องต้น ซึ่งหลายคนเฝ้ามองด้วยความความรู้สึกกังวลคือ สงครามการค้าจะลุกลามไปทั่วโลก จะทำให้ผู้ประกอบการปรับเพิ่มราคาสินค้า สินค้าต่างๆจะมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้บริโภคหลายพันล้านคน อีกทั้งจะทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกเข้าสู่ภาวะชะลอตัวในปีนี้
สำหรับมาตรการปรับขึ้นภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ ครอบคลุมร้อยละ 70 ของสินค้าทั้งหมด ซึ่งกลุ่ม EU ส่งออกสู่ตลาดสหรัฐฯ รวมมูลค่า 585,000 ล้านในปีที่แล้ว(2567) สำหรับสินค้าส่งออกของกลุ่มอียู ซึ่งจะถูกสหรัฐฯเก็บภาษีร้อยละ 20 เช่น แร่ธาตุจำพวก ทองแดง ยารักษาโรค เซมิคอนดักเตอร์และไม้ซุง ทั้งนี้ เศรษฐกิจของกลุ่มอียูอาศัยการค้าแบบตลาดเสรีเป็นส่วนใหญ่ จำเป็นต้องปรึกษาหารือภายในกลุ่ม หวังกดดันสหรัฐฯให้ยอมเข้าสู่โต๊ะเจรจาแก้ปัญหาพิพาททางการค้ากับกลุ่ม EU
#กลุ่มEU
#ประชุมแผนตอบโต้สหรัฐ
#สงครามภาษี