นายกฯสิงคโปร์ตั้งคณะทำงานช่วยเหลือธุรกิจ-แรงงานที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีสหรัฐฯ

08 เมษายน 2568, 14:48น.


          นายกรัฐมนตรีลอเรนซ์ หว่องของสิงคโปร์แถลงต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรของสิงคโปร์ในวันนี้(8 เม.ย.)ว่า สิงคโปร์จะแต่งตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจระดับชาติ มีนายกัน คิม ยอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีการค้าและอุตสาหกรรมของสิงคโปร์ เป็นประธานกรรมการ โดยมีกรรมการประกอบด้วยตัวแทนจากหน่วยงานด้านเศรษฐกิจ เช่น สภาธุรกิจสิงคโปร์ (SBF) สหพันธ์นายจ้างแห่งชาติสิงคโปร์(SNEF) และสภาสหพันธ์แรงงานแห่งชาติสิงคโปร์(NTUC) มีหน้าที่จัดทำรายละเอียดแผนการช่วยเหลือธุรกิจและแรงงานที่อาจจะได้รับผลกระทบจากนโยบายตอบโต้ทางภาษีของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ



          นายหว่อง ซึ่งควบตำแหน่งรัฐมนตรีคลังด้วย กล่าวว่า ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกและความไม่มั่นใจของนักลงทุนจะกระทบต่ออุตสาหกรรมภาคบริการเช่น การเงินการธนาคารและธุรกิจประกันภัยเช่นกัน การที่เศรษฐกิจชะลอตัวอาจจะทำให้บริษัทเอกชนต่างๆเปิดรับสมัครคนงานน้อยลง และถ้าบริษัทต่างๆประสบปัญหาในการทำธุรกิจ หรือต้องย้ายธุรกิจกลับไปยังสหรัฐฯ อาจจะมีการปรับลดตำแหน่งงานหรือเลิกจ้างคนงานจำนวนมาก ย้ำว่า มาตรการภาษีของสหรัฐฯตอกย้ำความจริงอย่างชัดเจนว่า ยุคสมัยแห่งโลกาภิวัฒน์และการค้าเสรีที่ยึดกฏกติกาขององค์กรการค้าโลก(WTO)สิ้นสุดลงแล้ว



           นายหว่องกล่าวว่า สิงคโปร์จะเสริมสร้างความร่วมมือ และการผนวกร่วมทางเศรษฐกิจกับกลุ่มอาเซียนมากขึ้น พร้อมยกตัวอย่างการพูดคุยเมื่อเร็วๆนี้กับนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิมของมาเลเซีย ในฐานะประธานกลุ่มอาเซียนตามวาระในปีนี้ นอกจากนี้ รัฐมนตรีเศรษฐกิจกลุ่มอาเซียนจะประชุมวาระพิเศษปลายสัปดาห์นี้ เพื่อหารือแนวทางการส่งเสริมการค้าภายในกลุ่มอาเซียน พร้อมย้ำคำมั่นเรื่องการผนวกเศรษฐกิจระดับภูมิภาคของกลุ่มอาเซียน ในปัจจุบัน สิงคโปร์เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯร้อยละ 0 แต่สินค้าที่สิงคโปร์ส่งออกไปยังสหรัฐฯจะถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าร้อยละ 10 ตามประกาศเรื่องมาตรการตอบโต้ทางภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯเมื่อวันที่ 2 เม.ย.โดยนายทรัมป์อ้างว่า สหรัฐฯขาดดุลการค้าให้กับสิงคโปร์สูงถึง 89,200 ล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว



#สิงคโปร์



#รับมือมาตรการภาษีสหรัฐ

ข่าวทั้งหมด

X