นายเกา กึมฮวน เลขาธิการสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN) กล่าวแนะนำให้สมาชิก 10 ประเทศของกลุ่ม ASEAN คือไทย เมียนมา มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ เวียดนาม ลาว กัมพูชา บรูไน เร่งดำเนินมาตรการเชิงรุก เพื่อผนวกรวมเศรษฐกิจของกลุ่มฯให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ควบคู่กับการหาตลาดส่งออกใหม่ๆ และหาหุ้นส่วนทางธุรกิจ หลังรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯประกาศมาตรการภาษีตอบโต้กับหลายประเทศเมื่อสัปดาห์ก่อน ทำให้ทัวโลกได้รับผลกระทบจากสงครามการค้ากับสหรัฐฯ โดยกลุ่ม ASEAN ซึ่งพึ่งพาการส่งออกไปยังสหรัฐฯ เป็นหนึ่งในบรรดากลุ่มที่ได้รับผลระทบหนักที่สุดจากมาตรการทางภาษีของสหรัฐฯ
คำแนะนำของนายเกา มีขึ้นก่อนที่รัฐมนตรีคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางจากกลุ่ม ASEAN จะมีการประชุมที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ หารือมาตรการตอบสนองต่อนโยบายทางภาษีของรัฐบาลทรัมป์
นายเกา แนะว่า กลุ่ม ASEAN จะต้องกล้าหาญ กล้าตัดสินใจ และจับมือกันทำตามปณิธานของกลุ่มในการสร้างสภาพแวดล้อมที่มั่นคง คาดการณ์ได้และเป็นมิตรต่อการทำธุรกิจของภาคเอกชน ซึ่งสมาชิกส่วนใหญ่ของ ASEAN เลือกที่จะเจรจากับสหรัฐฯ มากกว่าการตอบโต้
ภายใต้มาตรการทางภาษีของสหรัฐฯ เวียดนาม ซึ่งเป็นฐานการผลิตของโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในกลุ่ม ASEAN ถูกสหรัฐฯเก็บภาษีนำเข้าร้อยละ 46 ขณะที่กัมพูชา ฐานการผลิตสินค้าเสื้อผ้าแบรนด์ดังจากยุโรป ถูกเรียกเก็บภาษีร้อยละ 49 ส่วนไทยถูกเก็บภาษีร้อยละ 36 ขณะที่ลาว เมียนมา และอินโดนีเซีย ถูกเก็บภาษีร้อยละ 48, 44, และร้อยละ 32 ตามลำดับ
กลุ่ม ASEAN มีประชากรรวมกว่า 650 ล้านคน แต่สมาชิกในกลุ่มฯมีระดับการพัฒนาทางเศรษฐกิจที่แตกต่างกันมาก ตั้งแต่กลุ่มที่ประชากรส่วนใหญ่มีฐานะยากจนมาก เช่น ลาวและกัมพูชา ไปจนถึงประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่มีรายได้ที่มั่นคงและเป็นศูนย์กลางทางการเงินของภูมิภาค เช่น สิงคโปร์
...
#ASEAN
#ตอบโต้ภาษีสหรัฐ