ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ และเลขานุการ ธนาคารกรุงเทพ (BBL) โพสต์ผ่านหน้าเพจส่วนตัวระบุว่า145% ไม่ใช่ 125% !!!แต่ไม่ใช่ของใหม่ การเพิ่มอัตรา Tariffs ใส่จีนเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายมากแค่เขียนสั้นๆ ใน Executive Orders เช่น ในวันที่ 8 เมษายน "ที่เคยเขียนไว้ว่า 34% ให้เอาออก และใส่คำว่า 84% เข้าไปแทน"ในวันที่ 9 เมษายน อีกครั้ง"ที่เคยเขียนไว้ว่า 84% ให้เอาออก และใส่คำว่า 125% เข้าไปแทน"แค่นี้ก็จบ
หมายความว่า จีนต้องจ่ายภาษีนำเข้าก่อน Reciprocal Tariffs 10 +10 = 20% สำหรับกรณี Fentanyl แต่เมื่อรวม Reciprocal Tariffs ที่ท่านประธานาธิบดีประกาศล่าสุด
10 + 10 + 125 = 145% !!!! จึงไม่ใช่แค่ 125% ตามที่หลายคน (รวมถึงผมด้วย) เข้าใจกัน
ภาษีที่สูงลิ่วนี้ ทำให้บริษัทต่างๆ ของสหรัฐเริ่มยกเลิกคำสั่งซื้อสินค้าจากจีน เช่น Amazon แจ้ง Suppliers ไปว่า ขอยกเลิก เพราะสู้ภาษีนำเข้าไม่ไหว พร้อมหันไปหาประเทศอื่นๆ
แลกกันคนละหมัด สหรัฐวุ่นวายเพราะตลาดทุนที่ปั่นป่วน โดยเฉพาะตลาด Bonds
จีนกำลังจะวุ่นวายเพราะ โรงงานต่างๆ ไม่มีคำสั่งซื้อจากสหรัฐและถ้าเทียบกัน สหรัฐส่งออกมาที่จีนเพียง 143.5 พันล้านดอลลาร์ สรอ.ส่วนจีนส่งออกมาที่สหรัฐ 438.9 พันล้านดอลลาร์ สรอ. หรือประมาณ 1 ต่อ 3 หมายความว่าต่อไปจีนต้องหาตลาดใหม่ให้สินค้าตนเอง ประมาณเดือนละ 37 พันล้านดอลลาร์ สรอ.มากกว่าที่ไทยส่งออกไปทั้งโลกในละเดือนที่ 27 พันล้านดอลลาร์ สรอ.ส่วนหนึ่งของสินค้าที่ถูกยกเลิกคงส่งมาบุกที่เมืองไทย เราคงต้องเตรียมการรับมือดีดีครับ