(18 เม.ย.68) พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. นำชุดสืบสวนนครบาล เข้าช่วยเหลือชายชาวอินเดีย จำนวน 3 คน ซึ่งถูกหลอกลวงเรียกค่าไถ่ 2,500,000 รูปี คิดเป็นเงินไทย ประมาณกว่า 9 แสนบาท และจับกุมผู้ก่อเหตุ 7 ราย คือ สัญชาติอินเดีย 6 ราย ปากีสถาน 1 ราย ได้ที่บ้านหลังหนึ่ง ซอยสันติคราม 8 สุขุมวิท 109 ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ต่อเนื่องห้องพักในคอนโดมิเนียม อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 14 เม.ย.2568 เวลาประมาณ 19.00 น. ตำรวจ สน.ยานนาวา รับแจ้งจากชายชาวอินเดีย อายุ 27 ปี ว่า เมื่อวันที่ 5 เม.ย. เดินทางมาเที่ยวประเทศไทยกับเพื่อน 2 คน อายุ 47 ปี และ 26 ปีสัญชาติอินเดีย โดยเข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ซอย สาทร 10 แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯ
วันที่ 11 เม.ย. เปลี่ยนที่พักมาอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ถนนสีลม แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯ
วันที่ 14 เม.ย.2568 เวลาประมาณ 18.00 - 19.00 น. เพื่อนชาวอินเดีย 2 คน ออกจากโรงแรมโดยมีชายชาวอินเดีย 1 คน เรียกรถแท็กซี่ให้มารับแต่ไม่ได้พาไปขึ้นเครื่องบินเพื่อเดินทางไปประเทศเวียดนาม แต่ไปที่บ้านหลังหนึ่ง ซอยสันติคราม 8
วันที่ 16 เม.ย. น้องสาวของเพื่อนได้ติดต่อผ่านแอปพลิเคชันวอทแอป แจ้งต่อว่าได้รับการติดต่อจากบุคคลชื่อ "ซันดู" โดยอ้างว่าควบคุมตัวเพื่อนทั้งสองคนไว้ และเรียกร้องเงินค่าไถ่จำนวน 2,500,000 รูปี พร้อมทั้งข่มขู่จะทำอันตรายหากไม่ดำเนินการตาม โดยหมายเลขโทรศัพท์ของนายซันดู ผู้ก่อเหตุ ที่ใช้ในการติดต่อ คือ +669433xxxxx และ +4474292xxxxx จึงเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.ยานนาวา
ต่อมา พล.ต.ต.โชติวัฒน์เ หลืองวิลัย ผบก.สส.บช.น. นำกำลังฝ่ายสืบสวนนครบาล 6, สืบสวนนครบาล และ ตม.จว.ชลบุรี ร่วมกันติดตามเบาะแสจับนายซันดู สัญชาติอินเดีย ซึ่งเป็นผู้ที่โทรไปขู่เรียกเงินญาติผู้เสียหาย ได้ที่ห้องพักในคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ตรวจสอบพบหลักฐานจากโทรศัพท์ ติดต่อใช้วอทแอป โทรฯ ติดต่อไปหาญาติ และผู้เสียหายจริง และสอบสวนจนทราบว่านำผู้เสียหาย ไปกักขังย่านสมุทรปราการ จึงสามารถช่วยเหลือผู้เสียหายได้ 3 ราย แบ่งเป็นผู้เสียหาย สน.ยานนาวา 2 ราย และอีก 1 ราย ถูกหลอกมาจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
จากการสอบปากคำเบื้องต้น ผู้เสียหายเล่าว่าผู้ก่อเหตุข่มขู่ว่าจะตัดอวัยวะ และทุบตีด้วยไม้พันเทปตามร่างกาย เพื่อติดต่อญาติให้โอนเงินค่าไถ่ให้
เบื้องต้นตำรวจดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุทั้งหมด ในข้อหาร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยว และร่วมกันพยายามเรียกค่าไถ่ นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.ยานนาวา ดำเนินคดีตามกฎหมาย
พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.น. กล่าวภายหลังการสอบปากคำผู้ก่อเหตุและผู้เสียหาย ว่า พฤติการณ์ของชายอินเดียเป็นการหลอกและเรียกค่าไถ่คนอินเดียด้วยกัน แกล้งออกอุบายทำเป็นนายหน้าเพื่อจัดหางานให้ไปทำงานต่างประเทศ แต่จะต้องมีการมาพักทำเรื่องเอกสารในพื้นที่กรุงเทพฯ ก่อนจะต่อเครื่องไปต่อ ทางกลุ่มผู้ก่อเหตุเลยใช้ช่วงจังหวะที่ชาวอินเดียมาถึงกรุงเทพฯ ออกอุบายหลอกและจับขังไว้ภายในบ้านเช่า ก่อนที่จะมีการประสานติดต่อกับทางญาติของผู้เสียหายเพื่อให้มีการโอนเงินจากประเทศอินเดียคนละประมาณ 1 ล้านบาท แลกกับอิสระ พร้อมทั้งมีการข่มขู่เหยื่อว่าหากไม่ทำตามหรือไม่ติดต่อญาติ จะมีการทำร้ายและเฉือนอวัยวะในร่างกายทิ้ง
พล.ต.ต.วสันต์ กล่าวอีกว่า พฤติการณ์ของชาวอินเดียกลุ่มนี้ เข้าเมืองมาถูกต้องตามกฎหมาย แต่ในส่วนของประวัติอาชญากรรมรวมไปถึงข้อมูลรายละเอียดว่า เคยก่อเหตุลักษณะนี้มาก่อนหน้านี้หรือไม่ ส่วนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกับประสานกับเจ้าหน้าที่ ตม. เพื่อตรวจสอบประวัติย้อนหลัง รวมไปถึงมีการประสานสถานทูตอินเดีย เพื่อขอข้อมูลและรายละเอียดเชิงลึก
...
#ลักพาตัวชาวอินเดีย
#หลอกไปทำงาน
#ตำรวจนครบาล