สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรานซิส สิ้นพระชนม์แล้ว เมื่อเวลา 7.35 น.ตามเวลาในนครรัฐวาติกัน ตรงกับเวลาในประเทศไทย14.35 น.วันที่ 21 เมษายน 2025 สำนักวาติกัน แถลงยืนยันการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ซึ่งทรงขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นพระสันตะปาปาชาวลาตินอเมริกาพระองค์แรกเมื่อปี 2013 โดยพระองค์ทรงมีพระชนมายุ 88 พรรษา และทรงเผชิญโรคภัยต่างๆ ตลอดระยะเวลา 12 ปีที่ทรงครองราชย์
"พี่น้องที่รัก ข้าพเจ้ารู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งที่ต้องประกาศการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระสันตปาปาฟรานซิส" พระคาร์ดินัลเควิน ฟาร์เรลล์ ได้ประกาศผ่านสถานีโทรทัศน์ของวาติกัน พระสันตะปาปาฟรานซิส บิช็อปแห่งกรุงโรม ได้กลับคืนสู่บ้านของพระบิดา ชีวิตทั้งชีวิตของพระองค์อุทิศแด่การรับใช้พระเจ้าและศาสนจักรของพระองค์ พระองค์สอนเราให้ดำเนินชีวิตตามคุณค่าของพระวรสารด้วยความซื่อสัตย์ กล้าหาญ และความรักที่ไม่มีขอบเขต โดยเฉพาะต่อผู้ยากไร้และผู้ถูกทอดทิ้งที่สุด ด้วยความกตัญญูอย่างยิ่งต่อแบบอย่างของพระองค์ในฐานะศิษย์แท้ของพระเยซู พวกเราขอฝากวิญญาณของสมเด็จพระสันตะปาปา ฟรานซิส ไว้ในความรักอันเปี่ยมด้วยพระเมตตาไม่มีที่สิ้นสุดของพระเจ้าผู้ทรงเป็นหนึ่งเดียวและตรีเอกภาพ”
ทั้งนี้ ในเดือนเมษายน 2024 สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ได้อนุมัติฉบับปรับปรุงของหนังสือพิธีกรรมศพพระสันตะปาปา ซึ่งจะใช้เป็นแนวทางในพิธีมิสซาศพของพระองค์ ฉบับที่สองของ Ordo Exsequiarum Romani Pontificis ได้เพิ่มรายละเอียดใหม่หลายประการ รวมถึงแนวทางการจัดการพระศพหลังสิ้นพระชนม์ โดยจะมีการรับรองการสิ้นพระชนม์ในวัดน้อย ไม่ใช่ในห้องที่พระองค์สิ้นพระชนม์ และจะนำศพบรรจุลงโลงทันที
อาร์คบิช็อป ดีเอโก้ ราเวลลี่ หัวหน้านายจารีตประจำสันตะสำนัก เปิดเผยว่า สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรานซิส ได้ร้องขอให้พิธีศพเรียบง่ายและเน้นการแสดงความเชื่อของศาสนจักรต่อพระกายกลับคืนชีพของพระคริสต์
สมเด็จพระสันตะปาปา โดยพระองค์ยังทรงเป็นหนึ่งในพระสันตะปาปาที่มีพระชนมายุมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของคริสตจักร จนถึงขณะนี้ยังไม่มีรายงานแน่ชัดถึงสาเหตุการสิ้นพระชนม์ของพระองค์ หลังจากที่พระองค์เพิ่งเสด็จออกจากโรงพยาบาลในกรุงโรมเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน เนื่องจากทรงเผชิญภาวะปอดบวมขั้นรุนแรงในปอดทั้งสองข้าง
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส มีชื่อจริงว่า ฮอร์เฮ มาริโอ เบร์โกกลิโอ เกิดเมื่อวันที่ 17 ธ.ค.2479 เกิดในกรุงบัวโนไอเรส อาร์เจนติน่า เป็นลูกคนโตในจำนวนพี่น้องรวม 5 คน สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส นับเป็นพระประมุขแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิกที่มีบทบาทโดดเด่นพระองค์หนึ่ง ได้รับเลือกเป็นสมเด็จพระสันตะปาปา เมื่อวันที่ 13 มีนาคมปี 2013 นับเป็นสันตะปาปาพระองค์แรกที่มาจากทวีปอเมริกาและซีกโลกใต้ และยังเป็นพระองค์แรกที่เกิดหรือเติบโตนอกทวีปยุโรป นับตั้งแต่สมเด็จพระสันตะปาปาเกรกอรีที่ 3 ในศตวรรษที่ 8 ซึ่งเป็นชาวซีเรีย
หลังการลาออกของสมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 14 เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ปี 2013 ได้มีการประชุมคณะพระคาร์ดินัลเพื่อทำการเลือกประมุขแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิกพระองค์ใหม่ ซึ่งที่ประชุมคณะพระคาร์ดินัลขณะนั้นได้ลงมติเลือก แบร์โกกลิโอ ขึ้นเป็นสมเด็จพระสันตะปาปาพระองค์ใหม่เมื่อวันที่ 13 มีนาคม โดยพระองค์เลือกชื่อ ฟรานซิส เป็นพระนามสันตะปาปาของพระองค์เองเพื่อเป็นเกียรติแก่นักบุญฟรานซิสแห่งอัสซีซี
ตลอดช่วงชีวิตในการรับใช้ศาสนจักร สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสได้รับการยกย่องในเรื่องความถ่อมตน การเน้นถึงพระเมตตาของพระผู้เป็นเจ้า ทรงมีความห่วงใยต่อคนยากจนและความมุ่งมั่นในการปฏิสัมพันธ์ระหว่างศาสนา พระองค์ยังทรงเป็นที่รับรู้ว่าทรงไม่เคร่งในเรื่องพิธีรีตองที่เป็นทางการเท่าไรนักเมื่อเทียบกับพระสันตะปาปาองค์ก่อนๆ เช่นพระองค์ทรงเลือกประทับที่บ้านรับรองแขก Domus Sanctae Marthae มากกว่าที่จะประทับอยู่ที่พระราชวัง Apostolic Palace ซึ่งเป็นสถานที่ประทับอย่างเป็นทางการของประมุขแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิกเหมือนดังสมเด็จพระสันตะปาปาที่ผ่านมา
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ยังอยู่ในภาวะที่ศาสนจักรในช่วงเวลาที่ถูกโจมตี ด้วยเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากกรณีอื้อฉาวเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศเด็ก และความแตกแยกภายในระบบบริหารของสำนักวาติกัน แต่ในเวทีระหว่างประเทศสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสกลับดึงดูดผู้คนจำนวนมากที่เปี่ยมด้วยศรัทธา มาร่วมฟังคำเทศนาในทุกการเสด็จเยือนต่างประเทศของพระองค์ โดยพระองค์ยังทรงทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยในการส่งเสริมการสนทนาธรรมระหว่างศาสนาและสันติภาพจนแม้กระทั่งถึงลมหายใจสุดท้าย
เมื่อวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ประมุขแห่งคริสจักรโรมันคาทอลิก ทรงปรากฏพระองค์เหนือจตุรัสเซนต์ปีเตอร์ในกรุงวาติกัน เพื่อประทานพรเนื่องในเทศกาลอีสเตอร์ ซึ่งเป็นวันสำคัญในปฏิทินคริสเตียน ทรงปรากฏพระองค์เป็นเพียงเวลาสั้นๆ โดยมีพระดำรัสว่า “พี่น้องทั้งหลาย สุขสันต์วันอีสเตอร์”
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส พระชันษา 88 ปี ไม่ได้ทรงเป็นผู้นำในการประกอบพิธีมิสซาในวันอีสเตอร์ โดยมอบให้พระคาร์ดินัลอันเจโล โคมาสทรี อดีตอัครสมณราชแห่งมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ เป็นผู้ทำหน้าที่แทน จากนั้นทรงมอบให้อาร์ชบิชอปของวาติกัน อ่านสาส์นของพระองค์ ซึ่งมีสาระสำคัญเรียกร้องให้เกิดสันติภาพขึ้นทั่วโลก และทรงประทานพรเป็นภาษาละตินว่า “Urbi et Orbi” ที่แปลว่า “แด่เมืองและโลก”
ประชาชนจำนวนมากรอคอยการปรากฏพระองค์เนื่องในวันอีสเตอร์หลังจากที่มีอาการประชวรเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลนาน 38 วัน และเพิ่งออกจากโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 23 มี.ค. และยังอยู่ระหว่างการพักฟื้นพระอาการ
พระองค์ไม่ได้ทรงเข้าร่วมพิธีสำคัญในวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ (Good Friday) และคืนเสาร์ศักดิ์สิทธิ์ (Holy Saturday) ที่นำไปสู่วันอีสเตอร์
วันอีสเตอร์ถือเป็นช่วงเวลาแห่งความสุข เพื่อเฉลิมฉลองการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์หลังถูกตรึงกางเขน ซึ่งในปีนี้ วันอีสเตอร์ตรงกันทั้งในศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิกและออร์โธดอกซ์
#สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสสิ้นพระชนม์