แพทย์แถลงสาเหตุ 'สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรานซิส' สิ้นพระชนม์-คาทอลิกไว้ทุกข์ 9 วัน

วันนี้, 05:50น.


         สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรานซิส สิ้นพระชนม์แล้ว เมื่อเวลา  7.35 น.ตามเวลาในนครรัฐวาติกัน ตรงกับเวลาในประเทศไทย14.35 น.วันที่ 21 เมษายน 2025 สำนักวาติกัน แถลงยืนยันการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ซึ่งทรงขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นพระสันตะปาปาชาวลาตินอเมริกาพระองค์แรกเมื่อปี 2013 โดยพระองค์ทรงมีพระชนมายุ 88 พรรษา และทรงเผชิญโรคภัยต่างๆ ตลอดระยะเวลา 12 ปีที่ทรงครองราชย์



         สำนักวาติกันได้เผยแพร่ สาเหตุการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระสันตปาปาฟรานซิส ดร. อันเดรีย อาร์คานเจลี ผู้อำนวยการฝ่ายสุขภาพและสุขอนามัยของนครรัฐวาติกัน ออกใบรับรองอย่างเป็นทางการ และสำนักข่าววาติกันได้เผยแพร่รายงานเมื่อเย็นวันจันทร์ ระบุว่าเกิดจากโรคหลอดเลือดสมองแตก ตามด้วยอาการโคม่าและหัวใจล้มเหลว ตามรายงานทางการแพทย์ ระบุว่าสมเด็จพระสันตปาปาทรงมีประวัติการหยุดหายใจเฉียบพลันจากโรคปอดบวมสองข้างจากเชื้อจุลินทรีย์หลายชนิด โรคหลอดลมโป่งพองหลายหลอด ความดันโลหิตสูง และเบาหวานชนิดที่ 2



          พระองค์สิ้นพระชนม์โดยได้รับการยืนยันด้วยการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ดร. อาร์คานเจลีเขียนว่า “ข้าพเจ้าขอประกาศว่า สาเหตุการสิ้นพระชนม์ตามความรู้และดุลพินิจของข้าพเจ้าเป็นดังที่ระบุไว้ข้างต้น”



          ทั้งนี้ ในเดือนเมษายน 2024 สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ได้อนุมัติฉบับปรับปรุงของหนังสือพิธีกรรมศพพระสันตะปาปา ซึ่งจะใช้เป็นแนวทางในพิธีมิสซาศพของพระองค์ ฉบับที่สองของ Ordo Exsequiarum Romani Pontificis ได้เพิ่มรายละเอียดใหม่หลายประการ รวมถึงแนวทางการจัดการพระศพหลังสิ้นพระชนม์ โดยจะมีการรับรองการสิ้นพระชนม์ในวัดน้อย ไม่ใช่ในห้องที่พระองค์สิ้นพระชนม์ และจะนำศพบรรจุลงโลงทันที

          อาร์คบิช็อป ดีเอโก้ ราเวลลี่ หัวหน้านายจารีตประจำสันตะสำนัก เปิดเผยว่า สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรานซิส ได้ร้องขอให้พิธีศพเรียบง่ายและเน้นการแสดงความเชื่อของศาสนจักรต่อพระกายกลับคืนชีพของพระคริสต์



          ตามธรรมเนียม พระคาเมอร์เลนโก (Camerlengo) พร้อมด้วยผู้ช่วยอีก 3 คน จะเป็นผู้กำหนดช่วงเวลาที่จะเคลื่อนพระศพของพระสันตะปาปาไปยังมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์เพื่อให้ประชาชนเข้าสักการะ โดยในพิธีเชิงสัญลักษณ์ที่แสดงถึงจุดจบของตำแหน่งพระสันตะปาปา แหวนประมงของพระองค์และตราตะกั่วจะถูกทำลายอย่างเป็นทางการ เพื่อป้องกันการนำไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม และตามระเบียบของวาติกัน จะไม่มีการชันสูตรพลิกพระศพ



          ศาสนจักรคาทอลิกจะเข้าสู่ช่วงเวลาไว้ทุกข์เป็นเวลา 9 วัน ระหว่างนี้คณะพระคาร์ดินัลจะกำหนดวันประกอบพิธีศพและการฝังศพ โดยตามธรรมเนียมแล้วจะจัดขึ้นภายใน 4-6 วันหลังการสิ้นพระชนม์ ณ จัตุรัสเซนต์ปีเตอร์



          อย่างไรก็ตาม พระสันตะปาปาฟรานซิส ซึ่งทรงเป็นที่รู้จักในด้านความเรียบง่ายและอ่อนน้อม ได้แสดงพระประสงค์ชัดเจนว่าพระองค์ต้องการสิ่งที่แตกต่างจากธรรมเนียมเดิม



          พิธีศพของพระองค์คาดว่าจะมีความแตกต่างจากพิธีของพระสันตะปาปาองค์ก่อน ๆ อย่างชัดเจน เนื่องจากการปฏิรูปที่พระองค์ทรงดำเนินการไว้ในปี 2024



          ธรรมเนียมเดิม พิธีศพของพระสันตะปาปามักมีโลงศพสามชั้น ได้แก่ ไม้ไซเปรส ตะกั่ว และไม้โอ๊ค พร้อมด้วยขบวนพิธีอันยิ่งใหญ่ แต่โป๊ปฟรานซิสทรงปรับลดพิธีกรรมเหล่านี้เพื่อเน้นย้ำถึงความอ่อนน้อม และบทบาทของพระองค์ในฐานะผู้รับใช้ของพระคริสต์ มิใช่ผู้นำที่ยึดถืออำนาจทางโลก



         การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัด คือ การใช้โลงศพเพียงชั้นเดียว ทำจากไม้และสังกะสี แทนโลงศพสามชั้นแบบดั้งเดิม ตามรายงานของ National Catholic Reporter นอกจากนี้ พระศพจะถูกเปิดให้ประชาชนเข้าสักการะในโลงศพเปิดภายในมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ แทนการตั้งบนแท่นยกสูงที่เรียกว่า catafalque พระองค์ยังทรงเปลี่ยนสถานที่ประกอบพิธีรับรองการสิ้นพระชนม์ จากเดิมที่จัดในห้องชุดพระสันตะปาปา มาเป็นภายในวัดส่วนพระองค์



          นอกจากนี้ บทสวดและพระคัมภีร์ที่ใช้ในพิธีศพก็ได้รับการปรับให้ทันสมัยขึ้น รวมถึงมีการเพิ่มรายชื่อบรรดานักบุญ โดยเฉพาะพระสันตะปาปาที่ได้รับการประกาศเป็นนักบุญ เข้าไปในบทสวดภาวนาของนักบุญที่ใช้ในขบวนแห่พิธีศพ พระองค์ไม่ทรงเลือกห้องใต้ดินของวาติกันเหมือนพระสันตะปาปาองค์ก่อน ๆ แต่เลือกมหาวิหารนักบุญมารีย์ เมเจอร์ ซึ่งมีความสำคัญทางจิตวิญญาณกับพระองค์อย่างยิ่ง



           หลังจากการฝังพระศพของโป๊ปฟรานซิสแล้ว คณะพระคาร์ดินัลจะเข้าสู่การประชุมเลือกตั้งพระสันตะปาปาองค์ใหม่ หรือ “คอนเคลฟ” คือขั้นตอนสำคัญที่สุด ของการเฟ้นหาประมุขแห่งคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิกพระองค์ใหม่ ซึ่งจัดขึ้นในโบสถ์น้อยซิสทีน โดยต้องมีเสียงสนับสนุนไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 จึงจะได้พระสันตะปาปาพระองค์ใหม่



          พระสันตะปาปาองค์ใหม่จะปรากฏพระองค์ที่ระเบียงมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ พร้อมให้พรแรกต่อโลกที่รอคอยบทใหม่ของประวัติศาสตร์ศาสนจักรคาทอลิก มรดกทางความคิดของโป๊ปฟรานซิส ไม่ว่าจะเป็นจุดยืนต่อประเด็นทางสังคม หรือความพยายามปฏิรูปศาสนจักร จะยังคงส่งผลต่อการพิจารณาเลือกผู้นำองค์ถัดไป ซึ่งจะเป็นผู้กำหนดทิศทางของศาสนจักรในยุคต่อจากนี้



CR:สำนักวาติกัน 



#โป๊บฟรานซิส 



 



 

ข่าวทั้งหมด

X