นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมได้ติดตามสถานการณ์การผลิตและภาวะการค้าสุกรและเนื้อสุกร ทั้งระดับค้าส่งและค้าปลีกอย่างใกล้ชิด พร้อมแก้ไขปัญหาไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน และได้หารือร่วมกับกรมปศุสัตว์และสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติเป็นประจำ พบว่าปริมาณสุกรออกสู่ตลาดลดลง โดยออกสู่ตลาดเฉลี่ยวันละประมาณ 60,000 ตัว แต่ยังคงเพียงพอต่อการบริโภคที่มีอย่างต่อเนื่องสาเหตุหลักที่ทำให้ปริมาณสุกรออกสู่ตลาดลดลง มาจากสภาพอากาศร้อนจัดตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม ส่งผลให้สุกรโตช้า น้ำหนักเฉลี่ยก่อนเข้าฆ่าลดลง อีกทั้งยังมีการสูญเสียในระหว่างการเลี้ยงเพิ่มขึ้น ทำให้ผลผลิตออกสู่ตลาดลดลง
นอกจากนี้ เกษตรกรยังต้องแบกรับภาระต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากค่าน้ำ และค่าไฟฟ้า ซึ่งเพิ่มขึ้นจากความจำเป็นในการควบคุมอุณหภูมิภายในฟาร์ม เพื่อบรรเทาผลกระทบจากสภาพอากาศร้อน อย่างไรก็ตาม ราคาประกาศสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์มของสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติในสัปดาห์นี้ยังคงทรงตัวต่อเนื่องอยู่ที่ 88 บาท
แนวโน้มราคาจะยังคงทรงตัวต่ออีกระยะหนึ่ง ก่อนจะเริ่มปรับลดลงเมื่อเข้าสู่ฤดูฝนที่มีสภาพอากาศเหมาะสมต่อการเลี้ยง และเป็นไปตามรอบการผลิต... นายวิทยากรกล่าวต่อว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา กรมได้ประชุมร่วมกับห้างค้าส่งและค้าปลีกให้ตรึงราคาจำหน่ายเนื้อสุกรชำแหละ หากมีความจำเป็นต้องปรับราคาขึ้น จะต้องแจ้งให้กรมทราบล่วงหน้า เพื่อที่กรมจะได้เข้าหารือและเจรจากับผู้ผลิตรายใหญ่ เพื่อควบคุมต้นทุนไม่ให้กระทบผู้บริโภค
นอกจากนี้ กรมการค้าภายในได้มีมาตรการรองรับเพื่อช่วยเหลือผู้บริโภค โดยมีการจำหน่ายเนื้อสุกรราคาต่ำกว่าท้องตลาดในงานธงฟ้าราคาประหยัด ทั้งในกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และภูมิภาค เพื่อช่วยลดค่าครองชีพให้แก่ประชาชน พร้อมทั้งเชื่อมโยงเนื้อสุกรแดงเข้าสู่โมบายธงฟ้า และงานธงฟ้าทั่วประเทศ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงเนื้อสุกรคุณภาพในราคาย่อมเยา
ทั้งนี้ กรมการค้าภายในยังคงติดตามสถานการณ์ราคาสุกรและเนื้อสุกรอย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด หากพบว่าผู้ค้ารายใดมีพฤติกรรมจำหน่ายสินค้าในราคาสูงเกินสมควร ประชาชนสามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วน 1569
หากพบการกระทำผิดจะมีโทษตามมาตรา 29 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 มีโทษปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ
#ตรึงราคาหมู
Cr:กรมการค้าภายใน