หลังรับมอบทองคำ ที่ สวนแสงธรรม พุทธมณฑล สาย 3 นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ ธปท.มีทองคำในทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศ 13,129 กิโลกรัม คิดเป็นมูลค่ากว่า 1,373.3 ล้านเหรียญสหรัฐ รวมทองคำที่รับมอบเพิ่มเข้ามาจากคณะศิษยานุศิษย์องค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน รอบใหม่นี้แล้ว ทำให้ทุนสำรองระหว่างประเทศ มีอยู่ 276 พันล้านเหรียญสหรัฐ เทียบกับปี 2541 ที่มีทุนสำรอง 23 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นมา 10 เท่าจากเดิม แต่มองว่าเรายังชะล่าใจไม่ได้ แม้ทุนสำรองจะมีมากกว่าปี 2540 อย่างชัดเจน แต่หากเทียบกับ 5-6 ปีที่ผ่านมา ก็ไม่ได้แข็งแรงเท่าที่ควร สะท้อนจากหนี้ครัวเรือนและหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้น โดยหากมองไปข้างหน้าก็ชัดเจนว่า พายุกำลังมา จากเรื่องสงครามการค้าที่เกิดขึ้น และเห็นแล้วว่ามาแน่นอน ช่วงนี้จึงมีความจำเป็นต้องใส่ใจในเรื่องความมีเสถียรภาพมากที่สุด อุดรูรั่ว หันหน้าเข้าหากัน ทำงานเพื่อส่วนรวม และมีความสามัคคี
ผู้ว่าธปท.ยังกล่าวด้วยว่า การรับบริจาคทองคำเข้ามาถือเป็นเรื่องใหญ่ เพราะทองคำที่ได้มาจากหยาดเหงื่อของประชาชน ขณะที่เศรษฐกิจยังไม่ได้ดีมากนัก รายได้ไม่ได้โตอย่างที่ควร ค่าครองชีพสูง ราคาทองแพง แต่ประชาชนยังร่วมแรงร่วมใจบริจาคทองคำกว่า 10 กิโลกรัม ที่สำคัญคือ ทองคำ 10 กิโลกรัมนี้ ไม่ได้มาจากมหาเศรษฐี ไม่ได้มาจากพวกมั่งมี แต่มาจากบุคคลทั่วไป ธปท.ทราบซึ้งมาก โดยทองคำที่ตรวจมีค่าความบริสุทธิ์ 99.99% แต่ความบริสุทธิ์ทางใจบวกเกินไปเป็น 100% โดยการบริจาคทองคำไม่เหมือนการบริจาคในแง่อื่น อาทิ สร้างศาลาวัด อาคารที่มีชื่อติด คนเห็นและยกย่องได้ แต่คนที่บริจาคทองคำทำด้วยความบริสุทธิ์ใจและแรงศรัทธาจริงๆ เพราะชื่อผู้บริจาคไม่ได้มีบอกไว้ ทองคำจึงถือเป็นเรื่องใหญ่ของ ธปท. เป็นสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์มาก
อยากให้ผู้บริจาคสบายใจในเรื่องความปลอดภัย เพราะทองคำไม่ใช่เฉพาะล็อตนี้ แต่เริ่มตั้งแต่แรกยังอยู่แบบครบถ้วน ไม่เคยหยิบออกมาใช้เลย ทองคำที่เก็บอยู่ใน ธปท.มีการจัดเก็บด้วยความปลอดภัย และตรวจสอบอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง จากคณะกรรมการผู้ดูแล ซึ่งได้เข้าไปสุ่มตรวจสอบด้วยเช่นกัน โดยในทุก 5 ปี มีการสุ่มตรวจสอบตัวทองคำอย่างละเอียด ว่ามีความบริสุทธิ์และครบถ้วนมากน้อยเท่าใด ซึ่งมีหน่วยงานอื่นเข้ามาร่วมตรวจสอบด้วย จึงอยากให้ความมั่นใจ และให้คำสัญญาว่า ทองคำที่ได้รับมาจากพลังศรัทธาทั้งหมดยังอยู่อย่างครบถ้วน